วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ควรซื้อดอกกุหลาบ แบบไหนสำหรับคนรักในวันวาเลนไทน์


ควรซื้อดอกกุหลาบ
แบบไหนสำหรับคนรัก ในวันวาเลนไทน์

ความหมายของการแสดงและสื่อแห่งความรักที่ใช้กันมากในการมอบให้แก่กันและกันในวันวาเลนไทน์ คือ ดอกกุหลาบ คุณทราบหรือไม่ว่า เทพนิยายกรีกเล่าถึงตำนานของกุหลาบว่าเป็นดอกไม้ของเทพธิดาอไฟร์ไดท์ เทพแห่งความรักและความงามซึ่งได้ประทานความงามอันเป็นเลิศให้แก่ดอกไม้ นามว่า “กุหลาบ” เทพเจ้าไดโอนีซูล เทพเจ้าแห่งเหล่าองุ่น ประทานความหอมให้แก่กุหลาบพร้อมกับบรรดาทวยเทพทั้งหลายพร้อมใจยกให้กุหลาบเป็น “ราชินีแห่งบุปผาชาติ”

ชาวโรมันมีตำนานของกุหลาบว่า กุหลาบเป็นดอกไม้ของเทพธิดาวีนัส นางคลีโอพัตราอบห้องบรรทมหอมกรุ่นด้วยดอกกุหลาบที่โรยบนพื้นห้องจนสูงท่วมเข่า และนางใช้เครื่องสำอางที่มีน้ำกุหลาบผสมอยู่


คุณจะมอบดอกกุหลาบให้แก่คนที่คุณรัก

หนึ่ง กุหลาบบานเต็มที่
1. กุหลาบดอกเดียวที่เบ่งบานเต็มที่ มีความหมายว่า “ฉันรักเธอ”
2. กุหลาบสีแดงสด หมายถึง ความเคารพนับถือ เกรงใจ กำลังใจ ความปรารถนา
3. กุหลาบสีชมพู หมายถึง ความสุข ความสมบูรณ์ ความเป็นผู้ดีเพียบพร้อม
4. กุหลาบสีขาว หรือสีเหลืองอ่อน ๆ ปลายกลีบมีสีแดง หมายถึง ความมีใจเดียว

สอง กุหลาบแรกแย้มผลิบาน
5. กุหลาบดอกเดียวเพิ่มแย้มผลิบาน หรือยังเป็นดอกตูม หมายถึง ความงาม ความเยาว์วัย และหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักอันบริสุทธิ์
6. กุหลาบสีแดงเพิ่งแย้มผลิบาน หมายถึง ความบริสุทธิ์ใจ ความน่ารัก
7. กุหลาบสีขาวเพิ่งแย้มผลิบาน หมายถึง ความเป็นเด็กหญิง (คือยังอ่อนอยู่)
8. กุหลาบหอมที่เรียก Tea Rose คือบานแย้ม ๆ พอมีกลิ่น หมายถึง ความทรงจำที่ยังอยากระลึกถึงอยู่ตลอดเวลา
9. กุหลาบไร้หนามที่มีก้าน เกลี้ยงเกลา หมายถึงรักแรกพบ

สาม กุหลาบหลาย ๆ ดอก
10. รวมกันหลายสี หลายชนิด เป็นช่อบานสะพรั่ง หมายถึง ความรู้สึกขอบคุณ ความอบอุ่น
11. กุหลาบสีแดง 1 ดอก, สีเหลือง 1 ดอก หมายถึง ความสนุกสนาน ร่าเริง ความตื่นเต้นยินดี, ความรื่นเริงใจ
12. กุหลาบบานเต็มที่ 1 ดอก และกุหลาบตูม 2 ดอก หมายถึง ความในใจที่ซ่อนเร้นไว้
13. กุหลาบร้อยเป็นมาลัย หมายถึง รางวัลสำหรับความดีงาม
14. กุหลาบ 2 ดอก มีลวดพันก้านติดกัน เป็นก้านเดียว หมายถึง การหมั้นหมาย



วาเลนไทน์ จงมอบกุหลาบให้คนที่คุณรัก นับถือ ด้วยความรัก แต่กุหลาบคงเป็นเพียงสัญลักษณ์ เพราะความรักไม่ได้วัดค่า หรือตีราคาเป็นเงิน เป็นสิ่งของ ขอให้เราวัดคุณค่าความรักในจิตใจ แม้จะมอบกุหลาบสักกี่ช่อแต่หากจิตใจยังไม่ตราตรึงด้วยความรักอันเต็มเปี่ยม ก็ไร้ประโยชน์ “รักแท้ย่อมฝังลึกลงในจิตใจ ที่เห็นคุณค่าความดี ความหวังในตัวของคนที่คุณรัก ทั้งที่คุณรู้ว่าเขาอาจจะไม่รักคุณก็ได้” และรักเขาในขณะที่เขาเป็นของเขา

เพราะความรักเป็นการให้ ความรักคือการให้คนที่คุณรักมีเสรีภาพที่จะเลือก ความรักคือการที่คุณจะมีความสุข เมื่อคนที่คุณรักพบกับสิ่งที่ดีที่สุด ถึงแม้ทุกสิ่งจะสูญสิ้น แต่ความรักไม่เคยสูญสิ้น เพราะความรักใหญ่ที่สุด (1 โครินธ์ 13 : 13)

วาเลนไทน์




วาเลนไทน์
วันแห่งความรัก

เดือนกุมภาพันธ์…ฤดูหนาวกำลังจะผ่านพ้นไป…ต้นไม้กำลังจะผลิดอกออกใบขึ้นมาใหม่ สีเขียวสดชื่นมีชีวิตชีวาเริ่มปรากฎขึ้น…เหล่านกกาโผผินออกจากรังและที่หลบซ่อนซึ่งหลบอยู่ตลอดฤดูหนาว ชีวิตเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง นกกาเริ่มจับคู่พลอดรักผสมพันธ์ ท่ามกลางแสงอันอบอุ่นของดวงอาทิตย์แห่งฤดูใบไม้ผลิ

กุมภาพันธ์…เดือนเดียวกันนี้เองที่กำหนดให้มี “วันแห่งความรัก” ใครที่ความรักกำลังสุกงอมก็คงอยากจะบอกรักซึ่งกันและกันหรืออาจจะขอแต่งงานกันในเดือนนี้ก็หลายคู่


“วาเลนไทน์” เป็นชื่อของบุคคลผู้หนึ่งซึ่งเป็นผู้นำในคริสตศาสนาที่มีชื่อว่า “เซนต์วาเลนไทน์” เขาเป็นบุรุษผู้มีหัวใจเปี่ยมล้นด้วยความรักและความปราถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ แต่ต้องจบชีวิตลงด้วยการรับโทษประหาร ในวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ.270 เรื่องมีอยู่ว่าในสมัยคริสตศตวรรษที่ 3 มีผู้นำคริสเตียนในกรุงโรมคือ “วาเลนตินัส” หรือ “วาเลนไทน์” คนนี้นั่นเองเป็นผู้ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักและความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ วันแล้ววันเล่าท่านจะนำอาหาร ของใช้จำเป็นไปวางไว้ที่ประตูบ้านของคนที่อดอยากยากจนโดยมิได้ประกาศตัวให้เขารู้




สมัยนั้นคริสตศาสนายังไม่เป็นที่ยอมรับในจักรภพโรมัน ใครก็ตามที่เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ถือว่ามีความผิดอย่างร้ายแรง พวกคริสเตียนจำนวนมากที่ถูกจับไปทรมานด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น จุดไฟเผาทั้งเป็น เอาท่อนเหล็กเผาไฟมาจี้ที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ให้ต่อสู้กับสิงสาราสัตว์ แล้วพวกทหารโรมันนั่งดูกันด้วยความสนุกสนาน…ในที่สุดก็ถูกประหาร เพราะไม่ยอมปฏิเสธความเชื่อศรัทธาในองค์พระเยซูคริสต์และมีอีกหลายคนที่ถูกนำไปจำจองไว้ เพื่อทรมานให้ละทิ้งความเชื่อ ซึ่งในจำนวนคนเหล่านั้นก็มี “วาเลนตินัส” รวมอยู่ด้วย

วาเลนตินัสถูกทรมานและบังคับขู่เข็ญต่าง ๆ นานาให้ปฏิเสธพระเยซูคริสต์ แต่ท่านก็หาได้ยอมไม่ แต่กลับแสดงความรักความเมตตาช่วยเหลือคริสเตียนคนอื่น ๆ ที่ถูกข่มเหงนั้น แม้ตัวท่านเองจะลำบากเพียงใด และได้แสดงความเมตตาอธิษฐานเผื่ออย่างร้อนรนต่อพระเจ้า ให้ทรงรักษาบุตรสาวตาบอดของ “อัสทาริอุส” ผู้คุมคุกให้หายตาบอด ในที่สุดครอบครัวของผู้คุมก็ได้กลายเป็นคริสเตียนไปด้วย

เมื่อจักรพรรดิ์คลอดิอุสที่ 2 ของโรมทราบว่าครอบครัว “คลอดิอุส” เป็นคริสเตียนเพราะวาเลนตินัส พระองค์ทรงกริ้วมาก สั่งให้ลงโทษวาเลนตินัสอย่างหนัก ให้นำไปโบยแล้วตัดศรีษะ

คืนสุดท้ายก่อนที่ท่านจะถูกนำไปประหารท่านได้เขียนจดหมายสั้น ๆ เป็นการอำลาส่งไปยังลูกสาวของ “คลอดิอุส” ลงท้ายว่า “จาก วาเลนไทน์ของเธอ”

รุ่งเช้าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 270 ท่านก็ถูกนำไปตัดศรีษะ เอาศพไปฝังไว้ที่เฟลมิเนี่ยม เวย์ ภายหลังมีโบสถ์หลังใหญ่สร้างขึ้นคร่อมสุสานของท่านไว้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงชีวิตและความรักอันยิ่งใหญ่ของท่าน ผู้คนต่างรู้สึกประทับใจในชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาและความเชื่อของท่าน จึงยึดเอาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวัน… “วาเลนไทน์”

เพราะเหตุนี้ คริสตจักรหลายแห่งจึงได้จัดวันวาเลนไทน์ขึ้น เพื่อระลึกถึงความรักอมตะ รักบริสุทธิ์และสูงส่ง เช่นเดียวกับที่เซนต์วาเลนไทน์ได้ถือปฏิบัติตามแบบอย่างขององค์พระเยซูคริสต์ที่รักมวลชนจนยอมเสียสละแม้ชีวิตของพระองค์ได้



ตรุษจีน


ตรุษจีน


ที่มาของวันตรุษจีน มักจะอยู่ในช่วงปลายเดือนมกราคม หรือช่วงเดือนกุมภาพันธ์ คำภาษาจีน ที่คนจีนมักกว่าวว่า ซินเจียยู่อี่ ชินนี้ฮวดใช้ ภาษาถูกต้อง ซิงเจีย (ปีใหม่) ฮวกใช้ (เจริญ, งอกงาม,โชคลาภ)





การนับวันทำให้ตรุษจีนเคลื่อนไปตามเดือนต่าง ๆ ระหว่าง มกราคม-กุมภาพันธ์ ในรัชกาลที่ 3 ชาวจีนจะนำหมูเห็ดเป็ดไก่ถวายแด่ราชวงศ์เมื่อตรุษจีน จนรัชกาลที่ 3 ทรงโปรดให้มีการสวดพระ 3 วัน และทรงทำเก๋งจีนในพระราชวัง “พระที่นั่งราชกิจพินิจ” โดยมีป้ายภาษาจีนเขียนและให้เป็นที่สถิตยพระสยามเทวาธิราช
วันตรุษจีน เราเรียกอีกอย่างว่าวัน “ชุนเจี๋ย”ซึ่งเป็นวันแรกในฤดูใบไม้ผลิและเป็นวันปีใหม่ของจีน

พิธีตรุษจีน
2 วันก่อนตรุษจีนเรียกว่าวันจ่าย เพราะจะซื้อหมูเห็ดเป็ดไก่มาเตรียมและทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อย ถัดจากวันจ่ายเป็นวันไหว้ ซึ่งถือเป็นวันสุดท้ายของปี มีการแจกอั่งเปา (แจกเงิน) แก่ลูก ๆ หลาน ๆ และจะรวมญาติพี่น้องมาเซ่นไหว้บรรพบุรุษ วันที่ 3 วันเที่ยว หรือเรียกวัน “ชิวอิก” แปลว่าวันที่ 1 ของปีใหม่ จะใส่เสื้อผ้าใหม่ หากใครทำงานในวันเหล่านี้จะถือว่าต้องมีความทุกข์ยากลำบากตลอดปี

การไหว้ในวันตรุษจีน (แบ่งเป็น 3 ประเภท )
ประเภทที่ 1 : ไหว้บรรพบุรุษและญาติผู้ใหญ่
ประเภทที่ 2 : ไหว้ตีจุ่ยเอี๊ย (ศาลเล็ก ๆ ที่วางบนพื้นบ้านคนจีนทั่วไป)
ประเภทที่ 3 : ไหว้ผีไม่มีญาติ และบรรดาเจ้าบุญนายคุณทั้งหลายเรียก “ห่อเฮียตี้”

ความหมายของอาหารวันตรุษจีน
1. ชุงไฉ่ (ผัดหมูสามชั้นกับผัก) ให้ความหมายว่ามีลูกหลานเต็มบ้าน

2. หมี่ซั่ว ซึ่งเป็นเส้นหมายถึงให้มีอายุยืนยาว

3. เต้าหู้ หรือเต้าฮวยเหลืองประทับตราแดงผัด หมายถึงการเป็นเจ้าคนนายคน

4. ส้ม ซึ่งถือว่าเป็นสิริมงคล

5. ขนมเข่ง : ต้นสมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เปิดทำพันธสัญญากับต่างประเทศชาวจีนเดิน ทางมาไทยราวเดือน 9-10 ของปี อาศัยลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดพา ประมาณครึ่งเดือนก็ถึงสยาม คนออกทะเลจะนึ่งขนมเข่ง ทำด้วยข้าวเหนียวนึ่งเก็บได้นานและอยู่ท้อง พร้อมนำฟักเขียวติดตัวมา เพราะต้มน้ำแกงดื่มแทนน้ำได้ เมื่อเรือแตกก็เป็นชูชีพได้ด้วย

6.การติดกระดาษที่เป็นชื่อหนังสือสิริมงคลในวันแรกของตรุษจีน



คริสตชนกับวันตรุษจีน
วันแรกเป็นวันไหว้จะมีการแจกเงินหรือเรียกว่า อั่งเปา จะมีการให้พร้อมส้ม 4 ลูก แสดงถึงความกลมเกลียว ผู้ใหญ่จะรับจากเด็กและคืนให้ 2 ลูก พร้อมให้อั่งเปา และลูกที่แต่งงานแล้วจะให้ผู้ใหญ่, จะมีการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ , ทำความสะอาดบ้านช่องให้เรียบร้อย

สำหรับ ความเชื่อคริสตชน : รับอั่งเปาได้ เพราะเป็นของขวัญวันตรุษจีนและการทำความสะอาดจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ ญาติ ๆ จะมาอยู่รวมกันเป็นสิ่งที่ดี แต่คริสเตียนจะไม่เซ่นไหว้ ให้ท่านหาเรื่องไปช่วย จัดข้าวของต้อนรับรินน้ำเอาอกเอาใจผู้ใหญ่แทน แต่อย่าพูดโจมตีต่อต้านพิธี และหากสุดวิสัย บอกทางบ้านไปว่าเราเชื่อพระเจ้า ขอแสดงความกตัญญูแทน การไหว้เจ้า

แต่หากท่านต้องไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความคิดถึง ก็ขอให้ท่านขออนุญาตแสดงความกตัญญู โดยการขอยืนหน้ารูปบรรพบุรุษและบอกว่าขอแสดงความเคารพแบบคริสเตียน คือ การยืนทำความเคารพ (แต่ไม่มีการจุดธูป) เป็นที่ระลึกและแสดงว่าเป็นผู้มีพระคุณเลี้ยงดูเรามา

วันที่ 2-3 และต่อจากนั้นจะให้มีการเที่ยวเตร่ พักผ่อน เป็นความเชื่อคือว่าหากใครทำงานวันตรุษจีนจะมีความทุกข์ ลำบากต้องตรากตรำทำงานทั้งปี สำหรับผมการทำงานเป็นสิ่งที่ดี และพระเจ้าก็ให้มีวันพักผ่อนเช่นกัน ไม่เกียวกับกรรม ความทุกข์ลำบากเกิดจาการแบ่งเวลาไม่ถูกต้อง ในการดำเนินชีวิต ความบาปทำให้ต้องตรากตรำทำงานหนัก เราเป็นคริสเตียนจีนก็เที่ยวพักผ่อนในวันตรุษจีนได้

ดังนั้น วันตรุษจีนเป็นเสมือนวันปีใหม่ เหมือนของไทยเราที่มีการเลี้ยงฉลอง การแจกเงินไม่เกี่ยวกับทางศาสนา แต่เป็นการอวยพร ให้ของขัวญกันและกันระหว่างญาติ เช่น ผู้ใหญ่จะให้เด็ก ๆ พ่อแม่พี่จะให้เด็ก ๆ ลูก ๆ ที่แต่งงานแล้วจะให้ผู้ใหญ่

การจุดประทัด แสดงความร่าเริงยินดี แต่บางคนเชื่อก็ถือว่าเป็นการไล่ผีสาง หากท้องถิ่นใดเชื่อว่าเป็นการไล่ผีสาง เราก็ไม่จุดไม่เล่น เพื่อไม่ให้เขาเข้าใจผิดได้

การรับประทานอาหารเซ่นไหว้รูปเคารพ มีคริสตชนเชื่อ 2 แนว
ความเชื่อกลุ่มแรกเชื่อว่าทานได้ โดยอ้างพระคัมภีร์ว่า
- อาหารทุกอย่างพระเจ้าทรงชำระแล้ว (1 ทธ.4: 3-5)
- ใครจะทานหากจิตสำนึกไม่ฟ้องก็ทานได้ (รม. 14: 14)
- เมื่ออยู่กับผู้มีความเชื่ออ่อนอยู่แล้ว แม้เขาไม่ทานเราก็จะไม่ยอมทานขณะนั้น (1คร.10:23-30) ไม่ให้เขาสะดุด


ความเชื่อกลุ่มที่ สองเชื่อว่าทานไม่ได้ โดยอ้างพระคัมภีร์ว่า
กิจการ 15: 20 ตอนนี้เป็นคำสั่งของอัครฑูตที่เป็นข้อคิดสำหรับชาวต่างชาติที่มาเชื่อพระเจ้าว่าถ้าเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมทางศาสนาอื่น ๆ ให้หลีกเลี่ยง

สรุป หากผู้ที่ทานรู้ว่ามีผู้เชื่อว่าไม่ควรทานอยู่ด้วยก็ควรเลี่ยงไม่ทาน 1 คร. 10:23-33, โรม 14:1-4

ข้อคิด สำหรับครอบครัวที่รับประทานอาหารรูปเคารพ เมื่อเราต้องถูกบังคับหรือจำเป็นต้องทาน ให้เราอ่านเรื่องอานามานกับโรคเรื้อน ใน 2 พกษ.5

อานามานเชื่อศรัทธาในพระเจ้า แต่ขออนุญาตพระองค์ เมื่อเขาต้องอยู่ต่างชาติเขาต้องเชื่อฟังกฏหมายประเทศนั้น และต้องเข้าร่วมพิธีทางศาสนาอื่นด้วย จากตอนนี้ (2พกษ. 5:15-19 )

เราจึงพอทราบได้ว่า ถ้าเราพยายามที่จะหลีกเลี่ยง เราต้องใช้สติปัญญาจริง ๆ และประยุกต์ดัดแปลง แต่หากสิ่งไหนที่เกี่ยวกับไสยศาสตร์ เราจะปฏิเสธอย่างสุภาพและชี้แจงเหตุผลให้อย่างถ่อมใจ ควรหลีกเลี่ยงการปะทะ แต่ยอมถูกตำหนิดีกว่า

แหล่งอ้างอิง จากข้อคิด ผู้เขียนเป็นคนเชื้อสายจีน และได้นำหนังสือมาอ้างอิงประกอบการเขียน
1 ศิลปวัฒนธรรมไทย ( ก.พ.2537 )
2 จดหมายเหตุจากกรุงศรี ( 8 ก.พ. 2537 ช่อง 7 )

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การเยียวยาด้วยดนตรี ตอนที่ 6 Green Music ของคริสเตียน และเสียงคลื่นกระตุ้นเซลสมอง

การเยียวยาด้วยดนตรี ตอนที่ 6 Green Music ของคริสเตียน และเสียงคลื่นกระตุ้นเซลสมอง

เพลงคริสเตียนมีฤทธิ์อำนาจ สามารถเปลี่ยนจิตใจมนุษย์จากความท้อถอยในชีวิตให้มีความหวัง มีกำลัง และมีอำนาจ ในพระคัมภีร์ได้กล่าวเรื่องของเด็กหนุ่มดาวิดเมื่อเล่นพิณ ฤทธิ์เดชของพระเจ้าก็ทำให้ผู้ฟัง (ซาอูล) ได้หลุดพ้นจากอำนาจของวิญญาณชั่วที่เข้าสิงทันที (1ซมอ.16:23)

เพลงคริสเตียนเป็นคำพยานจากชีวิตที่แท้จริงของบุคคลหลายประเภท หลายชนชั้นและจากสถานที่ต่าง ๆ กัน แสดงถึงว่าพระเจ้าได้สัมผัสเขา เปลี่ยนแปลงชีวิตเขา จากชีวิตที่สิ้นหวังเป็นชีวิตที่มีความหวัง มีกำลังใจ มีชัยชนะที่พระองค์ประทานให้

เพลงคริสเตียนเป็นเพลงที่เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี มีชัยชนะ เน้นให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เสริมสร้างซึ่งกันและกัน เต็ม
ไปด้วยพลังและชัยชนะ

เพลงคริสเตียนเป็นการให้โอกาสและยกโทษ เมื่อผิดหวังไร้ที่พึ่ง เมื่อกระทำความผิด บทเพลงจะแสดงออกถึงความเมตตาและพระกรุณาของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ พระเจ้าทรงยกโทษความผิดบาปนั้นและรับการเล้าโลมใจ

พวกเราคนไทยจะคุ้นกับคำที่เรียกว่าเพลง Green Music ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นเพลงไทยหรือเพลงสากลที่ฮิตซึ้งๆ และนำมาบรรเลง พร้อมกับใส่เสียงคลื่น ธรรมชาติ เสียงน้ำตกลงไป ให้นอนฟังสบาย หากท่านสนใจ ติดต่อได้นะครับ

ปัจจุบัน มีเพลงคริสเตียน (จากเพลงชีวิตคริสเตียน) ที่นำมาบรรเลงและใส่เสียงคลื่น ทะเล น้ำตก เสียงธรรมชาติลงไป ใช้ฟังเวลานอนหลับ หรือนั่งจิบกาแฟ ขับรถเวลาเดินทางไปไกล ๆ เช่นเพลงพระคุณพระเจ้า หรือเพลงจากหนังสือเพลงชีวิตคริสเตียน

แต่ก็มีเพลงอีกประเภท เป็นคลื่นเสียงที่ให้นอนหลับลึก สำหรับกระตุ้นเซลในสมอง เพื่อรักษา เช่น คนนอนหลับไม่ลึก ให้ลึกและให้มีสมาธิ หรือคนที่อยากเลิกบุหรี่ แต่ชุดนี้เรามีแค่ตัวอย่างสั้น ๆ จำหน่าย (มีลิขสิทธิ์) ท่านต้องสั่งซื้อเองในอินเตอร์เน็ตกับเจ้าของที่ผลิตครับ

ผมเข้าใจว่าทางกลุ่ม RMC มีแค่สามเพลง ที่แก้เรื่องหลับไม่ลึก อยากเลิกบุหรี่ และให้มีสมาธิ แต่หากท่านต้องการทั้งชุดสมบูรณ์ต้องสั่งซื้อ หรือหาทางเว็บบไซด์เองครับ เราพอมีแต่ส่วนหนึ่งที่จะช่วยท่านได้ระดับหนึ่ง (แต่ทั้งชุดท่านต้องซื้อตามลิขสิทธิ์ดีที่สุดครับ) พอดีผมได้มาจากเพื่อน และไม่รู้แหล่งจริงๆ ใครที่ทราบก็ช่วยโพสต์ บอก ๆ กันด้วยนะครับ แต่ผมทราบว่ามีบางร้าน จำหน่าย ชุด Divine Healing ชุดนี้ หาได้ตามห้างใหญ่ ๆ แต่ผมเข้าใจว่าผู้ผลิตเป็นคาธอลิก ก็เคยฟังครับ

แต่หากคนมีปัญหาๆ ไม่ได้จริงๆ ทั้ง Green Music ของคริสเตียน และเสียงคลื่นกระตุ้นเซลสมองที่ทางกลุ่มRMC ทำพันธกิจร่วมกับการใช้พระคำ การอธิษฐาน และการเยียวยาปลดปล่อย

และที่สำคัญไม่ว่าจะรับการเยียวยาโดยวิธีไหนก็แล้ว สำหรับคริสเตียนหลังจากรับการเยียวยา วิถีการเลือกดำเนินชีวิตใหม่ อ่านพระวจนะและกลุ่มสามัคคีธรรมสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในการนมัสการอธิษฐานบางคนทำไม่ได้เลย หรือสมาธิสั้น หรือพูดไม่เป็น

สำหรับคนประเภทนี้คนที่อธิษฐานนมัสการไม่เป็น เราก็มีซีดีนำอธิษฐานนมัสการสด ๆ จริง ๆ ให้ท่านฝึกตาม (เป็นภาษาไทย) หากทำตาม ท่านจะสามารถอธิษฐานได้ยาวถึง 1 ชั่วโมง 50 นาทีเลยครับ (พอดีมีการสอน และมีคริสตจักรหนึ่งได้บันทึกการฝึกสอนสด ๆ ไว้ ผมเห็นว่าจะช่วยคนที่นมัสการส่วนตัวด้วยตัวเองไม่เป็นจริง ๆ เมื่อท่านฝึกตามจนชำนาญ ต่อจากนั้นก็ไปพลิกแพลง ปรับเปลี่ยน ตามการทรงนำหรือประสบการณ์ของท่านเอง หรือติดต่อที่ http://www.giftsngrace.com/ สินค้าไม่มีโชว์ในเวป ท่านติดต่อทางอีเมล์เองนะครับ

สรุปเพลงหายากที่ใช้ในการเยียวยาในทางคริสเตียนที่ผมพอแนะนำได้ ก็มี
ชุด 1 Green Music ของคริสเตียน (ที่มีเสียงคลื่น ธรรมชาติผสมผสาน)
ชุด 2 เสียงคลื่นกระตุ้น เซลสมอง (เพื่อให้หลับลึกและเพื่อการเลิกบุหรี่) ชุดนี้ใช่ของคริสเตียนนะครับ
ชุด 3 สอนฝึกการนมัสการสดส่วนตัว จริง ๆ (ความยาว1.50นาที)
ชุด 4 เพลง แช่ในการทรงสถิต ชุดของ Steve Schneiders นมัสการสด ร้องเพลงจากพระธรรมสดุดีที่กลุ่ม (RMC)
ชุด 5 เพลง แช่ในการทรงสถิต ชุดของหัวใจพระบิดา (ภาษาไทยของ กลุ่มRMC)
ชุดุ6 For Time 4 Soaking (ภาษาอังกฤษ) พูดถึงจดหมายรักจากพระบิดา
ชุด7 Fresh Oil (เติมด้วยน้ำมันแห่งการเจิมด้วยความรัก) เหมือนชุดที่ 6 เป็นภาษาอังกฤษ


ท้ายสุดหวังว่าท่านจะรับการเยียวยาส่วนตัว จากวิธีที่เราเสนอ ในบล็อกนี้ ด้วยหลายวิธี เช่น การอธิษฐาน การสร้างวินัยใหม่ และการใช้เพลงเยียวยา ผ่านพระคำ และพลังของกลุ่ม ที่เสริมสร้างท่านด้วยครับ และสื่อต่าง ๆ ที่เราแนะนำให้นะครับ

การเยียวยาด้วยดนตรี ตอนที่ 5 วิธีการแช่ในการทรงสถิต

การเยียวยาด้วยดนตรี ตอนที่ 5 วิธีการแช่ในการทรงสถิต SOAKING PRAYER

วิธีการก็คือท่านอนลง หรือนั่งท่าเอนกายสบายๆ ที่ใดก็ได้ เช่น ที่ทำงาน ตรงโต๊ะทำงาน หรือที่บ้าน ที่นอน โซฟาร์ เงียบๆ ไม่มีสิ่งใดรบกวน ควรปิดมือถือ ทีวี ขนม ขบเคี้ยว ที่ขัดต่อสมาธิของท่าน และนอนเอนกาย แช่ฟัง เสียงเพลง อยู่ในเสียงเพลง สงบ และฟัง ส่วนเวลาที่ใช้อย่างน้อยสัก 15 นาที และขณะนั้นท่านไม่ต้องอธิษฐานภาวนาใดๆทั้งสิ้น ให้ฟังอย่างเดียวครับ หรือนั่งฟังหลังอาหารเที่ยงที่โต๊ะทานท่าสบาย ๆ นี่เป็นการพักผ่อนฝ่ายวิญญาณอย่างหนึ่ง


แท้จริง การเขียนบทความไม่ได้อยากจะทำอาชีพหรือขายของนะครับ เพราะแต่ผมไม่อยากเป็นผู้ให้ข้อมูลแล้วไม่มีอุปกรณ์ให้ เหมือนสอนให้ทายาแต่ไม่บอก ไม่มียาให้ซื้อ ว่าจะไปซื้อที่ไหน พอดีมีกลุ่มพันธกิจคริสเตียนที่จำหน่าย สินค้าแปลกของคริสเตียนที่หายาก ท่านลองติดต่อกลุ่มนี้นะครับ มีแน่นอน เพระพี่น้องที่ทำร้านเล็ก ๆ นี้มีเป้าหมาย คือ จำหน่ายสินค้าคริสเตียนที่เกี่ยวกับการเจิม การเยียวยา ท่านสั่งซื้อได้ ติดต่อได้

เท่าที่รู้คือมีชุด The Father Love เป็นภาษาอังกฤษ
หัวใจพระบิดา ภาษาไทย (ผลิตโดยทางกลุ่มRMC)
เพลงสดุดี ร้องโดย Steve Schneiders (แสดงสด)
ติดต่อที่ http://www.giftsngrace.com

ตัวอย่าง จากยูทูป ท่านลองฟังนี่เป็นส่วนหนึ่ง ครับ



http://www.youtube.com/watch?v=uuCNRJn2dYU

การเยียวยาด้วยดนตรี ตอนที่ 4 เพลงที่แช่ในการทรงสถิต และนำการเยียวยา

การเยียวยาด้วยดนตรี ตอนที่ 4 เพลงที่แช่ในการทรงสถิต และนำการเยียวยา

Soaking คืออะไร

การ Soaking ก็เหมือนกับการแช่ จุ่มในน้ำให้มิด หรืออีกภาพหนึ่งคือเหมือนกับคนจีนสมัยก่อน เมื่อจะซักผ้า ท่านเอาผ้าต้มกับสบู่จนร้อนแล้วทิ้งค้างคืนไว้จนรุ่งเช้า น้ำสบู่แห้งและซักผ้าขี้ริ้วนั้น ผ้าก็สะอาดอย่างประหลาด เพราะผลจากการที่ความร้อนกับสบู่ที่ทำปฏิกริยากันหลายชั่วโมง และรอจนกว่าจะเย็นนั่นแหละครับ คือความหมายของคำว่า Soaking เปรียบเราถูกแช่ในบรรยากาศในการทรงสถิต ในเสียงเพลงแห่งความรัก ฤทธิ์อำนาจแห่งความรัก การเยียวยาเข้ามา ทำงานในจิตใจ วิญญาณ และอารมณ์ของเรา แช่มากเท่าที่จะมากได้และจนเกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ในหัวใจของเรา โดยมีพระคัมภีร์ไบเบิ้ลอ้างอิง การอยู่ แช่ในการทรงสถิต ที่ต่างกับการพยายามปล้ำสู้ เอาชนะ ทั้ง ๆ ที่เราอ่อนแรงไม่มีกำลัง เป็นการรับความรัก การรักษา ผ่านเสียงเพลงอย่างเดียว ได้ทุกที่ และทำเองได้ มีพระคัมภีร์อ้างอิง เช่น

สดุดี 23: 1-3 “ทรงกระทำให้ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปริมน้ำแดนสงบ “
สดุดี 131: 2 “จิตใจของข้าพระองค์ สงบอยู่ภายในข้าพระองค์“
สดุดี 4: 4 “จงคำนึงในใจเวลาอยู่บนที่นอนและสงบอยู่”


สำหรับผม เพลง Soaking ที่ดีที่สุด ผมคิดและเข้าใจและมีประสบการณ์ว่า ควรเป็นเพลงที่พระเจ้าคุยกับเรา รักเรา เยียวยา มีแผนการที่ดีสำหรับเรา มันต่างกับเพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญ คือ เราพยายาม ร้อง คุยกับพระเจ้า พูดถึงพระองค์ แต่หากท่านหาไม่ได้ก็สามารถ หาเพลงบรรเลง ซึ้ง ๆไ พเราะ หรือ เพลงที่ท่านชอบ มาฟังแทนก็ได้ครับ

ความพิเศษและความแตกต่างของเพลงแช่ในการทรงสถิต (Soaking) มีหลายกลุ่มที่เชื่อแนวนี้ เขามักจะ เรียกว่า เพลง ‘หัวใจพระบิดา’ เนื้อเพลงจะเป็นลักษณะเนื้อหาที่พระเจ้าพูด บรรยายความรักของพระองค์ที่มีต่อเรา ซึ่งมีน้อยความ แต่ผมพอจะแนะนำได้ เช่น เพลงของ Terry Macalmon ชุด My Belove Be Still And Know หรือชุดที่นิยม โดยการนำเข้ามาของกลุ่มนักศึกษาที่ไปเรียนเกี่ยวกับการเยียวยาจากต่างประเทศ และได้รับเป็นของกำนัลของขวัญ หรือใช้เป็นสื่ออุปกรณ์ในการทำงานด้านเยียวยา เช่นชุด The Father Love ผมมีชุดหนึ่ง และอีกทั้งท่านสามารถโหลดทางอินเตอร์เน็ตเองได้ แต่เป็นภาษาอังกฤษ อาจฟังยากสำหรับผู้ที่ไม่รู้ไม่เข้าใจความหมาย

แต่อย่างไร กลุ่มพันธกิจม่น้ำ RMC ก็ได้ผลิตขึ้นมา ในการทำพันธกิจเยียวยา ในกลุ่ม เป็นภาษาไทยขึ้นมา หากท่านสสนใจลองติดต่อดูนะครับ และอีกแนวหนึ่งคือการฟังเพลงจากพระธรรมสดุดี เป็นบท ๆ ไมมีตัดต่อหรือ พิ่มเติมเนื้อหา ร้องเป็นเพลงที่บรรยายความดี ความรักของพระเจ้า จากพระธรรมสดุดีสด ๆ เลยครับ ของ Steve Schneiders ชุดนี้เป็นการแสดงสดของเขา ในกลุ่มแม่น้ำ นักดนตรีชาวยิว เชื้อสายเลวี ซึ่งครั้งหนึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับทางจิต สิบกว่าปีหลังจากนั้นเขาหายและได้นำเพลงสดุดีเหล่านี้มาใส่ทำนอง เวลาเราฟังก็นั่ง หรือนอนฟัง หรือนั่งฟัง ตามสบายตาม แต่เป็นภาษาอังกฤษนะครับ หากท่านต้องการ อยากจะมีเป็นสมบัติส่วนตัว ติดต่อได้ตามที่อยู่ข้างล่าง http://www.giftsngrace.com เว็บ

อันนี้แถมให้ครับ ประวัติของ ไซด์ของ Steve Schneiders (www.stevekerstin.com)

การเยียวยาด้วยดนตรี ตอนที่ 3 เพลงคลาสสิกทำให้ฉลาดและรักษาโรค

การเยียวยาด้วยดนตรี ตอนที่ 3 เพลงคลาสสิกทำให้ฉลาดและรักษาโรค

อิทธิพลของเพลงมีมากในชีวิตประจำวันของคนเรา หากที่ทำงานหรือบริษัทเปิดเพลงบรรเลงก็จะทำให้พนักงานทำงานอย่างกระชุ่มกระชวย หรือขณะที่มีการแข่งขันกีฬา ถ้าเปิดเพลงปลุกใจก็จะทำให้เหมือนมีพลังพิเศษเกิดขึ้น ตรงกันข้ามถ้ากำลังอยู่ในอารมณ์เศร้า อกหัก หากฟังเพลงเกี่ยวกับความผิดหวังก็จะยิ่งทำให้เกิดความตึงเครียดคิดถึงอดีตที่ผ่านมา ดังนั้นเพลงจึงมีอิทธิพลต่อชีวิตและจิตใจทั้งในแง่บวกและแง่ลบ

เพลงทำให้สมองดีขึ้น ในโอกาสนี้อยากจะชี้ให้เห็นถึงผลของการฟังเพลงที่มีอิทธิพลต่อสุขภาพจิตและสมอง ซึ่งเพลงประเภทนี้คงไม่ใช่เพลงประเภทแร็พ,ร็อค,ดิสโก้

นักสังคมวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยอูเบิรน์ และมหาวิทยาลัยสเตดแห่งสหรัฐอเมริกาได้ทำการศึกษาร่วมกันพบว่าดนตรีคันทรีมิวสิคของอเมริกา มีอิทธิพลโน้มน้าวใจอย่างมากเมื่อฟังแล้วอยากฆ่าตัวตายมากกว่าเพลงประเภทอื่น ๆ สาระของเพลงจะบอกถึงความวุ่นวายใจในความรัก การทำงานที่ยากลำบาก รวมถึงการกินหล้าจนเป็นพิษสุราเรื้อรัง เมื่อฟังแล้วทำให้เกิดความเบื่อหน่ายชีวิต ไม่อยากสู้ชีวิตอีกต่อไป

ที่ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการทดสอบเรื่องเสียงเพลงที่ผลต่อความเจริญเติบโตของต้นไม้ โดยการปลูกต้นไม้ไว้ 2 แปลง แปลงหนึ่งปลูกแล้วรดน้ำพรวนดินสม่ำเสมอ ส่วนอีกแปลงเพิ่มการเปิดเพลงบรรเลงเข้าไปด้วย ต่อมาพบว่าต้นไม้ที่เปิดดนตรีให้ฟังเจริญงอกงามออกดอกออกผลได้ดีกว่าต้นไม้ที่ไม่ได้เปิดเพลง เพลงที่เขาเปิดนั้นเป็นเพลง

จากหนังสือสยามรัฐรายสัปดาห์ ในคอลัมน์ศิลปะบันเทิง ฉบับที่ 24 ปีที่ 20 ได้สรุปการวิจัยของนักวิจัยค้นคว้าทางสมองของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (ยูซี) เมืองเออร์วายน์ไว้ดังนี้

1 .เพลงคลาสิคช่วยให้สมองดีขึ้น โดยให้นักศึกษาฟังเพลงคลาสสิค SONATA IN (K.448) เปียโนคู่ของโมสาร์ท (เล่นสองคน) ใช้สมาธิฟัง 10 นาที ผลปรากฏว่านักศึกษาทุกคนสามารถผ่านการทดสอบโดยมีไอคิวสูงขึ้น 9 แต้ม

คำกล่าวของ ฟราสซิส รอเชอร์ นักค้นคว้าทางปราสาทชีววิทยา ค้นพบว่าเพลงร็อคและป็อปที่เป็นที่นิยมอยู่ในอเมริกาทั้งกลางวันและกลางคืน (วิทยุ,โทรทัศน์, แผ่นเสียง,วิทยุในรถยนต์)ดนตรีเหล่านี้มีผลต่อสติปัญญาของมนุษย์ในด้านลบ คือจังหวะดนตรีกระแทกกระทั้น ซ้ำซาก ให้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม คือ จะไปทำลายเซลของมันสมองมากกว่าส่งเสริม (สยามรัฐสัปดาห์พิเศษฉบับที่ 24 ปีที่ 40)

2 .เพลงคลาสสิคที่ดีช่วยผู้ป่วยพิการ นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดของญี่ปุ่น MR.TAKEOMI AKABOSHI ได้ใช้ดนตรีบำบัดผู้ป่วยพิการให้สามารถเคลื่อนไหวแขนขาได้ อีกทั้งช่วยคลายความเศร้า หงอยเหงา เราจึงเห็นว่าดนตรีสามารถบำบัดรักษาโรคได้

3.ดนตรีใช้ในห้องผ่าตัด หมอแน็ช หนึ่งในจำนวนแพทย์หลายคนใช้ดนตรีเปิดในห้องผ่าตัด ซึ่งสามารถรักษาคนไข้ได้ดีทีเดียว

4.ดนตรีทำให้โรคหายเร็ว หมอแมทธิวเอช ลี รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ผู้ติดยาเสพติด มหาวิทยาลัยแพทย์แห่งนิวยอรค์ กล่าวว่า เราพบว่าดนตรีให้ประโยชน์อย่างมากในการช่วยป้องกันปัญหายุ่งยากต่าง ๆ ของคนไข้ ช่วยให้อาการของคนไข้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก และทำให้นอนพักอยู่ในโรงพยาบาลน้อยลง ดนตรีที่ดีจะช่วยลดอาการตื่นเต้น และหดหู่ใจ

5.หญิงที่คลอดบุตร นางซูซา

6.ดนตรีกับเด็กพิการทางสมอง รูธ ลี แอดเลอร์ นักดนตรีบำบัดเด็กในโรงเรียนแห่งหนึ่งในสหรัฐ ซึ่งมีปัญหากระทบด้านอารมณ์ ทำให้สมองสั่งการเชื่องช้า แต่จากการบำบัดด้วยเสียงดนตรี ปรากฏว่าเด็กเหล่านี้มีการตอบสนองได้อย่างดียิ่ง

7.คนไข้โรคประสาท หมอโอลิเวอร์ แช็ค กล่าวว่า คนไข้ที่ได้รับความทรมานจนเป็นโรคประสาทร่างกายผิดปกติ ไม่สามารถพูดได้ เมื่อใช้ดนตรีบำบัดรักษาจะเคลื่อนไหวได้ (จากหนังสือสรุปภาพรอบครัว คอลัมน์เพื่อชีวิต โรงพยาบาลมิชชั่น เรียบเรียงโดย โรบิน สเกล)

8.ดนตรีช่วยให้คลายเคลียด นักจิตวิทยาชี้ว่า ผู้ป่วยร้อยละ 60-80 ที่มาพบแพทย์มีสาเหตุมาจากความเครียด และคนเราจะตอบสนองต่อความเครียดในแต่ละเรื่องไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในวัยเด็ก และพื้นฐานทางอารมณ์ของแต่ละคน อาจารย์พิชัย ปรัชญานุสรณ์ ได้กล่าวถึงการนำดนตรีมาคลายความเครียดว่าเป็นหลักการทางธรรมชาติที่ทำให้คนเราเกิดความสุขใจได้อย่างรวดเร็ว และไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นผลลบต่อสุขภาพ

เหล่านี้เป็นเพียงข้อมูลที่อ้างอิงถึงผลประโยชน์ของดนตรี โดยเฉพาะเพลงประเภทคลาสสิค,ไลท์มิวสิค ซึ่งถ้าท่านสนใจคิดว่าดนตรีจะช่วยได้ก็ให้ลองเปิดฟังดูนะครับ

การเยียวยาด้วยดนตรี ตอน 2 เบื้องหลังเพลงและผลต่ออารมณ์

การเยียวยาด้วยดนตรี ตอน 2 เบื้องหลังเพลงและผลต่ออารมณ์

ลองมาคิดดูสิว่าหากมีคนนินทาท่าน และท่านได้ยิน ท่านจะทำอย่างไร มีอารมณ์อย่างไร หรือ ท่านได้ยินคนตัดพ้อต่อว่าชีวิตตัวเองว่าหมดโชค อาภัพ ท่านจะมีอารมณ์ร่วมไหม? เอาละ ลองมาคิดใหม่ หากว่าเอาสิ่งเหล่านั้นมาใส่ทำนอง ดนตรี กรอกใส่หูเรามันจะมีอิทธิพลมากสักเพียงใด นี่เอง มันเกี่ยวกับเพลงที่เราฟังครับ

หากจะพูดถึงเรื่องเพลงในปัจจุบันมีเพลงอยู่หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเพลงชาวโลกหรือเพลงคริสเตียน ทั้งสองอย่างนี้จะแตกต่างกันทั้งเนื้อหาสาระ เราลองมาเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างเพลงสากลทั่วไปกับเพลงคริสเตียน

หนึ่ง เพลงสากล
การแต่งเพลงเกิดจากประสบการณ์ที่มีทั้งความผิดหวัง มีเสียใจ หรือเกิดจากจินตนาการที่สะท้อนด้านจิตใจของผู้ประพันธ์เอง หรือเพื่อการค้า การตลาด ทำเพื่อการค้าและธุรกิจเป็นหลัก เนื้อหาของเพลงจะมีทั้งในแง่บวกและแง่ลบความนิยมก็จะเป็นยุคเป็นสมัยไป
การแต่งเพลงจะเน้นจินตนาการมากกว่าความจริง เช่น เศร้า เสียใจ ผิดหวัง ขมขื่น ส่วนใหญ่จะเป็นการสร้างอารมณ์ในการเขียนบทเพลงเพื่อให้เกิดความนิยมชมชอบ จนไม่คำนึงถึงความเป็นจริง เช่น บางเพลงถึงกับไร้ทางออก เนื้อเพลงก็จะแสดงถึงว่าเราไม่มีความหวังจริงๆ ซึ่งเราจะพบว่าเหตุการณ์จริง ๆ แล้วจะไม่ถึงขนาดนั้นเสมอไป

เพลงสากลทั่วไป มีทั้งดี มีคุณค่า และไม่ดี และบางเพลงทำนองไม่ค่อยดี แต่เนื้อหาดีมาก บางเพลงเนื้อหาดี ทำนองไม่ดี ไม่โด่งดัง บางเพลงดังระเบิด ไปที่ไหนก็ได้ยิน แต่ฟังไปจะให้คุณค่าสร้างสรรค์น้อยมากเลย มีไม่กี่ประโยค

ส่วนใหญ่เพลงที่สร้างสรรค์ เพลงที่ให้คุณค่า เช่น ปลุกใจเช่นเพลงประจำสถาบัน เพลงประจำหน่วยงาน เพลงประจำองค์กร หรือไม่ว่าจะเป็นเพลงของชาติ

เพลงสากล สมัยนิยม เพลงยอดฮิซึ่งจะเน้นเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตของคน คนที่ฟังเพลงประเภทนี้ก็จะมีอารมณ์ร่วมเฉพาะที่ตรงกับชีวิตประจำวัน โดยธรรมชาติของมนุษย์จะคิดว่าตนเป็นตัวเอกก็เลยคิดว่าตนเองเป็นเหมือนเนื้อเพลงที่ว่านั้น หากเพลงเศร้าก็พลอยเศร้าไปด้วยทำให้ยิ่งทุกข์มากยิ่งขึ้น บางเพลงตรงกับชีวิตในอดีตที่เคยขื่นขม เมื่อฟังเพลงประเภทนี้ก็กลับเป็นว่าเอาอดีตนั้นมาทำให้ปัจจุบันเป็นทุกข์ ไม่ยอมไม่อยากลืม บทเพลงจะเน้นไปในทางลบมากกว่าทางบวก เป็นการต่อว่าตนเอง ท้อถอย หมดหวัง ส่วนมากเพลงที่จะให้กำลังใจนั้นจะมีน้อยมาก เพลงบางเพลงมีความหมายสองแง่สองง่าม ลามก ใช้คำที่ไม่สุภาพ บางเพลงเนื้อหาของเพลงนั้นจะสอดใส่สิ่งที่ไร้ศีลธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ, ชู้สาว, ฯลฯ เช่นเพลงชู้ทางใจ, แอบรัก, แม่หม้าย, หนุ่มจีบสาวสาวจีบหนุ่ม, การแย่งแฟนกัน นอกจากนี้ยังมีเพลงอื่น ๆ อีก

ส่วนบทเพลงเพื่อชีวิต ส่วนใหญ่เพลงประเภทนี้จะใช้คำพูดเสียดสีสังคมเจ็บๆ แสบๆ ใช้เพลงเป็นเครื่องมือในการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในสังคม

ในชีวิตประจำวัน เพลง มีผลต่ออารมณ์ ท้าทาย การต่อสู้ของจิตใจของท่าน หากท่านยังอยู่ในขบวนการเยียวยา บำบัด เพลงสำคัญมาก เพราะท่านเลือกเพลงฟังโดยไม่คำนึงว่าจะมีผลกระทบต่อจิตใจท่าน อาการ ซึมเศร้า เกลียด เหงา โกรธ ยิ่งปะทุแรงขึ้น จึงขอให้ระวังเพลงที่ฟังด้วย เพราะคนที่ท้อใจง่าย เป็นคนไม่สู้ ชีวิต ท่านจำเป็นต้องเลี่ยงเพลงที่ตัดพ้อต่อว่าชีวิตไปเลยครับ

การเยียวยาด้วยดนตรี ตอนที่ 1 เสียงเพลง เสียงดนตรี มีผลต่อร่างกาย

การเยียวยาด้วยดนตรี ตอนที่ 1 เสียงเพลง เสียงดนตรี มีผลต่อร่างกาย

ดนตรี คือลักษณะของเสียงที่ได้รับการจัดเรียบเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยมีแบบแผนและโครงสร้างชัดเจน สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ 3 ด้านใหญ่ ๆ คือ เพื่อความสุนทรีย์ เพื่อการบำบัดรักษา และเพื่อการศึกษา

ความหมายของดนตรีบำบัด คือ การวางแผนในการใช้กิจกรรมทางดนตรีควบคุม ในกลุ่มของคนทุกวัยไม่ว่าจะเป็นวัยเด็ก จนถึงวัยสูงอายุ เพื่อให้เกิดผลบรรลุในการรักษาโรคต่าง ๆ ที่เกิดมาจากความบกพร่องต่าง ๆ เช่น ความผิดปกติทางด้านอารมณ์ ทางร่างกาย และสติปัญญา

ดนตรีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จิตใจ และการทำงานของสมองในหลาย ๆ ด้าน จากการศึกษาวิจัยพบว่าผลของดนตรีต่อร่างกาย สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ อัตราการหายใจ, อัตราการเต้นของชีพจร, ความดันโลหิต, การตอบสนองของม่านตา, ความตึงตัวของกล้ามเนื้อ และการไหลเวียนของเลือด จึงมีการนำดนตรีมาประยุกต์ใช้ในการรักษาโรคภัยไข้ เจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ เรียกกันว่าดนตรีบำบัด (music therapy)

ประโยชน์ของดนตรีบำบัดมีหลายประการ เช่น ช่วยปรับสภาพจิตใจ ให้อยู่ในสภาวะสมดุล มีมุมมองในเชิงบวก ผ่อนคลายความตึงเครียด ลดความวิตกกังวล กระตุ้น เสริมสร้าง และพัฒนาทักษะการเรียนรู้ และความจำ กระตุ้นประสาทสัมผัส การรับรู้ เสริมสร้างสมาธิ พัฒนาทักษะสังคม พัฒนาทักษะการสื่อสารและการใช้ภาษา พัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว ลดความตึงตัว ของกล้ามเนื้อ ลดอาการเจ็บปวดจากสาเหตุต่าง ๆ ปรับลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม สร้างสัมพันธภาพที่ดีในการบำบัดรักษาต่าง ๆ และช่วยเสริมในกระบวนการบำบัดทางจิตเวช ทั้งในด้านการประเมินความรู้สึก สร้างเสริมอารมณ์เชิงบวก การควบคุมตนเอง การแก้ปมขัดแย้งต่าง ๆ และเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัว

(ข้อมูลจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

์ำNew article!

ติดตามอ่านบทความใหม่ด้านการพ้ฒนาศักยภาพผู้นำและจิตใจ/จิตวิญญาณได้ใน Blog

http://i-leadership.blogspot.com/


http://b-bettermind.blogspot.com/