วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เบเอลเซบูล

เบเอลเซบูล

เบเอลเซบูล หรือเจ้าแห่งแมลง เป็นชื่อที่พวกฟาริสีกล่าวหาว่าพระเยซูคริสต์ขับผีออกโดยอำนาจของเบเอลเซบูล ซึ่งเป็นเจ้าของหรือหัวหน้าปีศาจ

เบเอลเซบูลเป็นชื่อที่ชาวยิวใช้เรียกซาตาน และใช้ล้อเลียนดูถูกพระบาอัล ซึ่งเป็นพระต่างชาติที่ล่อลวงอิสราเอลติดตามไปหลายต่อหลายครั้ง แล้วก็ถูกการตีสอนจากพระเจ้า

ชื่อเบเอลเซบูล ba’ al z bul เป็นเจ้าของปีศาจ เป็นพระเจ้าแห่งเมืองเอโครนที่ชาวเมืองนี้นับถือ โดยช่วยป้องกันแมลงที่แพร่เชื้อโรคอยู่แถบนั้น จากสมมุติฐานในภาษาฮีบรู ba’ al z bul ตัว L ตัวสุดท้าย ย่อมาจาก Zebul ซึ่งแปลว่า มูลสัตว์ จึงสรุปได้ว่า เบเอลเซบูลเป็นเจ้าแห่งความโสโครก หรือนายของปีศาจ

แต่พระคริสต์กล่าวตอบโต้พวกฟาริสีว่า หากพระองค์ขับผีออกโดยเบเอลเซบูล ซึ่งเป็นนายผีแล้วออก ก็หมายถึงพวกผีมีความแตกแยกกันเองแล้วซิ เพราะพระองค์กำลังขับพวกมันเอง หากพระองค์เป็นพวกเดียวกับมัน แต่ว่าหากพระองค์ขับผีออกด้วยฤทธิ์เดชพระวิญญาณ ความยิ่งใหญ่กว่านั้นคือ “แผ่นดินของพระเจ้ามาถึงแล้ว”

ลักษณะแผ่นดินของพระเจ้าที่พระคริสต์กล่าว หมายถึง ให้น้ำพระทัยของพระเจ้าครอบครองปกครองในความคิดและชีวิตของผู้นั้น ยินยอมให้พระเจ้าสถิตในผู้นั้น และสังคมคริสเตียน ผู้เชื่อในโลกสำเร็จดังที่เสร็จสิ้นในสวรรค์ ชีวิตที่เต็มไปด้วยสิทธิอำนาจ เพราะ ยอห์นให้คนไปถามพระคริสต์ว่าท่านเป็นผู้นั้นที่จะมาหรือ (คือผู้ที่คำพยากรณ์ ในพันธสัญญาเดิมกล่าวถึงพระองค์) และพระองค์ทรงตรัสว่า หากคนง่อยเดินได้ คนตาบอดมองเห็น คนตายแล้วพระองค์ทรงทำให้ฟื้น นั่นแหละแผ่นดินพระเจ้า ทรงมาถึงโลกนี้แล้ว

ท่านไม่ต้องอยู่นโลกแห่งการพ่ายแพ้อีกต่อไป อย่าให้ชีวิตอยู่ในความกลัวอีก เพราะเมื่อแผ่นดินพระเจ้ามาถึงแล้ว ท่านเลือกเองได้ เลือกที่จะชนะ เลือกที่จะหาย อย่าให้บาดแผลในอดีตมาเป็นอุปสรรคของชีวิต เพราะท่านมีชีวิตเพื่อวันนี้ วันนี้เป็นของขวัญของท่าน

บทเรียนน่าคิดว่า อย่าให้เบเอลเซบูลโผล่ออกมาจากความคิด ชีวิตประจำวัน แต่ให้แผ่นดินสวรรค์มาตั้งอยู่โดยการยอมจำนนความสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ และพระคริสต์ และฤทธิ์อำนาจแห่งการเยียวยาเข้ามารักษา ปลดปล่อยท่าน เพียงแต่เข้าใจก่อนว่า พระองค์ทรงอยู่ข้างท่าน และพระองค์มาเพื่อรักท่าน ไม่ใช่มาเพื่อต่อต้านท่าน แต่มาเพื่อทำให้ท่านหายดีและปกติ ท่านต้องคิด ตั้งใจที่จะหาย และเป็นไท มันเริ่มที่ความคิดก่อนครับ

นกอินทรีย์


อพย.19:4 ว่า "เราเทิดชูเจ้าขึ้น ดุจดังด้วยปีกนกอินทรี เพื่อนำเจ้ามาถึงเรา"

เมื่ออิสราเอล เดินทางออกจากประเทศอียิปต์ พวกเขาเดินทางมาถึงทุรกันดารซีนาย โมเสสก็ตั้งค่ายที่หน้าภูเขานั้น แล้วโมเสสไปเข้าเฝ้าพระเจ้า และพระเจ้าให้โมเสสบอกกับอิสราเอลว่า พระเจ้าเปรียบอิสราเอลดังนกอินทรี พระวจนะของพระเจ้าสัญญากับประชากรของพระองค์

นกอินทรีเป็นนกที่ใหญ่พวกหนึ่ง มีถึง 59 พันธ์ุ มีกำลังมากที่สุดในโลก ซึ่งไม่เคยมี
ปรากฎการณ์นกอินทรีบินตกลงมาเลย นกอินทรีเข้มแข็ง กล้าหาญ มีสายตาแหลมกว่ามนุษย์
และสัตว์ใด ๆ โดยเฉพาะอินทรีทอง มันถูกฝึกให้ล่าสัตว์แถบตอนกลางทวีปเอเซีย
เช่น พวกกวาง, สุนัขป่า มันโฉบสัตว์บริเวณหัว จุดสำคัญแม่นยำมาก โดยอุ้งเล็บอันคมกริบ

นกอินทรีเป็นนกที่ปกป้องหวงลูกของมันมาก เฝ้าดูแลอย่างระมัดระวัง จนลูกเข้มแข็ง
พอจะบินได้ ไม่เพียงเท่านั้นกำลังบินของนกอินทรีมีมาก บินสูง ไว และนกอินทรียัง
เป็นสัญลักษณ์ของกองทัพอันเกรียงไกรของโรมัน

พระเจ้าให้ท่านเป็นดังนกอินทรีที่บินสูง เหนืออุปสรรคปัญหา มีความแหลมคม มองผ่านข้ามอุปสรรคปัญหาที่มารมาหลอกลวงเรา และพระเจ้าจะทรงให้เรามีอิสระภาพจากข้อผูกมัดในโลกแห่งความบาปทั้งปวง มีกำลังที่มาจากพระเจ้า อย่าคิดว่าตนเองเป็นดัง "นกกระจอก" อย่ามองแต่โขดหินแห่งบาดแผลความผิดพลาด ค่านิยมมาตรฐานของโลก เพราะนกอินทรีย์ก็มีมาตรฐานการบินดังนกอินทรีย์ นกกระจอกก็มีมาตฐานการบิน การเป็นอยู่ดังนกกระจอกพระเจ้าจะให้ท่านเป็นดังนกอินทรีย์ ซึ่งเป็นสัตว์ที่แหลมคม ว่องไว แม่นยำที่สุดในบรรดานกทั้งหลาย เช่นเดียวกัน ท่านแตกต่างและสูงค่านักในพระองค์

และท่านจะถูกเชิดชูขึ้น ต้องด้วยกำลังของลมใต้ปีกที่พยุงท่านอยู่ ขอให้ลมแห่งความรัก
และพลังลมแห่งการอธิษฐาน พลังลมแห่งพระวจนะจากพระโอษฐ์พระเจ้า พยุงท่านตลอดไป

วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เธอเป็นคนพิเศษ

เธอเป็นคนพิเศษ
เขียนโดย แมกซ์ ลูคาโด

พอดีได้อ่านหนังสือเรื่องวิญญาณการถูกปฏิเสธ ของจอห์นพอล แจ็คสัน และท่านได้ยกตัวอย่าง ละครแนวอุปมาอุปมัย เป็นบทเรียนเกี่ยวกับการมีคุณค่าของตัวเราเอง ผมจึงได้แปล เพื่อจะได้เป็นกำลังใจ แก่คนที่รู้สึกว่าตัวเองแย่ แท้จริงหนังสือของแมกซ์ ลูคาโดมีหลายเรื่อง นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่อยากจะให้กำลังใจพี่น้องทุกท่าน ลองอ่านดูนะครับ

เว็มเม็กซ์คือหุ่นไม้รูปคนตัวเล็ก ๆ หุ่นทุกตัวถูกแกะสลักโดยช่างแกะไม้ชื่อ เอลี เขาอยู่ที่บนภูเขานอกหมู่บ้าน หุ่นแต่ละตัวจะไม่เหมือนกัน บางตัวก็มีจมูกใหญ่ บางตัวก็มีตาโต บางตัวก็สูง บางตัวก็เตี้ย บางตัวสวมหมวก บางตัวสวมเสื้อคลุม แต่ทุกตัวถูกสร้างขึ้นโดยช่างไม้คนเดียวกัน และอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน เว็มเม็กซ์ทุกตัวจะมีกล่องที่เต็มไปด้วยสติ๊กเกอร์ที่เป็นรูปดาวสีทอง และกล่องที่เต็มไปด้วยสติ๊กเกอร์ที่เป็นรูปจุดสีเทา และทุก ๆ วัน หุ่นเหล่านี้จะทำอย่างหนึ่งเหมือนกัน คือ พวกมันจะติดสติ๊กเกอร์ให้กันและกัน ทุกคนสามารถมองเห็นสติ๊กเกอร์รูปดาวหรือรูปจุดที่ติดอยู่บนตัวของแต่ละคนได้

ตัวที่สวยหน่อย เนื้อไม้เรียบลื่นและทาสีสวยงาม ก็มักจะได้สติ๊กเกอร์รูปดาวเสมอ แต่ตัวที่เนื้อไม้ไม่เรียบและสีหลุดลุ่ยก็จะได้สติ๊กเกอร์รูปจุด ตัวที่มีความสามารถพิเศษก็จะได้รับดาวด้วยเหมือนกัน บางตัวยกไม้ท่อนใหญ่ให้สูงเหนือศรีษะได้ หรือกระโดดข้ามกล่องสูง ๆ ได้ บางตัวก็รู้จักคำศัพท์ยาก ๆ หรือร้องเพลงไพเราะ ทุกตัวเหล่านี้จะได้รับสติ๊กเกอร์รูปดาว

เว็มเม็กซ์บางตัวได้รับสติ๊กเกอร์รูปดาวเต็มตัวไปหมด และทุกครั้งที่เขาได้รับรูปดาว พวกเขาก็รู้สึกดี และยิ่งทำให้เขาทำดีอีก และได้รับดาวเพิ่มขึ้นอีก ที่เหลือมีความสามารถนิดหน่อยก็ได้รับสติ๊กเกอร์รูปจุด
พันชินเนลโล คือหนึ่งในตุ๊กตาพวกหลัง เขาพยายามกระโดดให้สูงเหมือนตัวอื่น แต่เขาก็ล้มลงทุกครั้ง และเมื่อเขาล้มลง ตุ๊กตาตัวอื่นก็จะมามุงดูเขาและติดสติ๊กเกอร์รูปจุดให้แก่เขา

และบางครั้งเมื่อเขาล้ม มันทำให้เนื้อไม้ของเขาชำรุดด้วย และทุกคนก็เอาสติ๊กเกอร์รูปจุดมาเพิ่มให้เขาอีก เขาพยายามอธิบายว่าทำไมเขาล้มลง แต่เขาก็มักจะพูดโง่ ๆ ออกไป ไม่นาน เขาก็มีสติ๊กเกอร์รูปจุดเต็มไปหมด จนเขาไม่อยากออกนอกบ้านอีกเลย เพราะเขากลัวว่าเขาจะทำเรื่องโง่ ๆ อีก เช่น ลืมหมวก หรือสะดุดหกล้ม และจะทำให้คนอื่นเอาสติ๊กเกอร์รูปจุดมาติดเพิ่มให้เขาอีก ที่จริงเขาได้รับสติ๊กเกอร์รูปจุดมากจนเว็มเม็กซ์ที่เดินผ่านมาเจอเขาก็จะติดสติกเกอร์ให้เขาทันทีโดยไม่มีเหตุผล เพราะว่า “เขาสมควรจะได้รับสติ๊กเกอร์รูปจุดเยอะ ๆ เขาไม่ใช่หุ่นไม้ที่ดี”

ไม่นาน พันชินเนลโลก็เชื่อพวกเขาและพูดกับตัวเองว่า “ฉันเป็นหุ่นไม้ที่ไม่ดี” เวลาที่เขาออกไปข้างนอก เขาก็มักจะเข้ากลุ่มกับเว็มเม็กซ์ที่มีจุดเยอะ ๆ เหมือนเขา เขารู้สึกดีที่จะอยู่กับหุ่นไม้ที่เหมือนกันเขา
วันหนึ่ง เขาพบเว็มเม็กซ์ตัวหนึ่งที่ไม่เหมือนตัวอื่นที่เขาเคยพบมาก่อน เธอไม่มีสติ๊กเกอร์รูปจุดหรือดาวเลย เธอก็เป็นหุ่นไม้ตัวหนึ่งเหมือนกับเขา เธอชื่อว่า ลูเซีย ไม่ใช่ว่าไม่มีใครพยายามจะติดสติ๊กเกอร์ให้กับเธอ แต่สติ๊กเกอร์เหล่านั้นติดไม่อยู่และหลุดหมด มีบางคนชื่นชมลูเซียที่ไม่มีสติ๊กเกอร์รูปจุดเลย พวกเขาจึงวิ่งมาจะให้สติ๊กเกอร์รูปดาวกับเธอ แต่สติ๊กเกอร์นั้นก็จะหลุดลงมา บางคนก็ดูถูกเธอที่ไม่มีสติ๊กเกอร์รูปดาว พวกเขาจึงอยากให้สติ๊กเกอร์รูปจุดแก่เธอ แต่มันก็ไม่ติดเหมือนกัน พันชินเนลโลจึงคิดในใจว่า “ฉันก็อยากจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน” ดังนั้น เขาจึงถามเว็มเม็กซ์ที่ไม่มีสติ๊กเกอร์ว่า “ฉันไม่อยากได้สติ๊กเกอร์ของใคร ๆ เหมือนกัน เธอทำยังไงน่ะ” ลูเซียตอบว่า “ง่ายมาก ทุก ๆ วันฉันจะไปหาเอลี”

“เอลีหรือ?” “ใช่ เอลีช่างไม้ไงล่ะ ฉันจะไปนั่งคุยกับเขาทุกวัน” “ทำไม?” “ทำไมเธอไม่ไปหาคำตอบด้วยตัวเธอเองล่ะ? ขึ้นไปบนภูเขาสิ เขาอยู่ที่นั่น”

จากนั้น เว็มเม็กซ์ที่ไม่มีสติ๊กเกอร์ก็หันหลังแล้วเดินจากไป “แต่ถ้าเขาไม่อยากจะเจอฉันล่ะ?” พันชินเนลโลตะโกนถาม แต่ลูเซียไม่ได้ยิน ดังนั้น พันชินเนลโลจึงกลับบ้าน เขานั่งใกล้หน้าต่าง และมองดูพวกหุ่นไม้ที่เดินเข้าหากันและกันและให้สติ๊กเกอร์แก่กันและกัน “นี่มันไม่ถูกต้องเลย” เขารำพึงกับตัวเอง และเขาก็ตัดสินใจที่จะไปหาเอลี เขาเดินไปตามทางแคบ ๆ ไปยังยอดเขาและเข้าไปยังบ้านของช่างไม้ แล้วตาของเขาก็เปิดกว้างเมื่อมองเป็นทุกสิ่งในนั้นมีขนาดใหญ่โตมาก เก้าอี้มีขนาดสูงเท่ากับตัวเขา เขาต้องยืนเขย่งขาขึ้นเพื่อที่จะมองเห็นว่ามีอะไรอยู่บนโต๊ะ มีขวานที่มีขนาดยาวเท่ากับแขนของเขา พันชินเนลโลกลืนน้ำลายด้วยความยากเย็น “ฉันจะไม่อยู่ที่นี่แน่!” แล้วเขาก็หันหลังกลับ แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อเขา

"พันชินเนลโล?" เสียงนั้นนุ่มลึกและมีพลัง พันชินเนลโลหยุดเดิน “พันชินเนลโล! ดีใจจริง ๆ ที่เจอเจ้าที่นี่ มานี่มา มาให้ดูเจ้าใกล้ ๆ หน่อย” พันชินเนลโลหันกลับมาช้า ๆ และมองไปที่ช่างไม้ร่างใหญ่ที่มีหนวดเครา “คุณรู้จักชื่อผมด้วยหรือครับ?” เว็มเม็กซ์ตัวน้อยถาม

"แน่นอนสิ เรารู้จักจัก เราสร้างเจ้ามา" เอลีก้มลงและอุ้มเขาขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ “อืม..” เอลีกล่าวขึ้นมาอย่างใคร่ครวญและมองเขาด้วยอย่างสำรวจที่สติ๊กเกอร์รูปจุดสีเทา “ดูเหมือนเจ้าได้รับเครื่องหมายที่ไม่ค่อยดีเยอะเลยนี่” “ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ เอลี ผมพยายามแล้ว” “โอ้ เจ้าไม่ต้องอธิบายกับเราหรอก ลูกรัก เราไม่สนใจหรอกว่าเว็มเม็กซ์ตัวอื่น ๆ พูดถึงเจ้าอย่างไร” “คุณไม่สนหรือครับ?”

“ไม่เลย และเจ้าก็ไม่ควรสนใจด้วยเช่นกัน พวกเขาเป็นใคร ที่จะมาเที่ยวให้ดาวหรือจุดกับใคร ๆ ? พวกเขาก็เป็นเพียงหุ่นไม้เหมือนกับเจ้า พวกเขาคิดยังไงก็ไม่สำคัญหรอก พันชินเนลโล สิ่งที่เราคิดต่างหากที่สำคัญ และเราก็คิดว่าเจ้าเป็นหุ่นที่พิเศษมาก”

พันชินเนลโลหัวเราะ “ผมน่ะเหรอครับ พิเศษ? ทำไมล่ะครับ? ผมวิ่งก็ไม่เร็ว กระโดดก็ไม่สูง สีของผมก็หลุดลอก แล้วผมจะพิเศษสำหรับคุณอย่างไร?”

เอลีมองพันชินเนลโล เขาเอามือวางบนไหล่เล็ก ๆ ของเจ้าหุ่นไม้ตัวเล็ก และพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “เพราะว่าเจ้าเป็นของเรา ดังนั้นเขาจึงสำคัญสำหรับเรา”

ไม่เคยมีใครมองพันชินเนลโลอย่างนี้มาก่อน เขาไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
"ทุกวัน เราเฝ้าหวังว่าเจ้าจะมา” เอลีกล่าว “ผมมาเพราะว่าผมเจอหุ่นไม้ตัวหนึ่งที่ไม่มีสติ๊กเกอร์”
"เรารู้แล้ว เธอเล่าเรื่องที่เจอกับเจ้าให้เราฟัง"
"ทำไมสติ๊กเกอร์ถึงไม่ติดบนตัวเธอล่ะครับ?"
"เพราะว่าเธอเลือกที่จะเชื่อว่าสิ่งที่เราคิดสำคัญกว่าสิ่งที่คนอื่น ๆ คิดน่ะสิ สติ๊กเกอร์มันจะติดอยู่ที่ตัวเธอได้เพราะว่าเธออนุญาตเท่านั้น”
"อะไรนะ?"
"สติ๊กเกอร์สามารถติดบนตัวเธอได้ถ้าเธอคิดว่ามันสำคัญสำหรับเธอ แต่ถ้าเธอวางใจในความรักของเรามากเท่าไหร่ เธอก็จะสนใจเกี่ยวกับสติ๊กเกอร์น้อยลงเท่านั้น”
"ผมไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจ"

"เจ้าจะเข้าใจ แต่มันต้องใช้เวลา เจ้ามีสติ๊กเกอร์และบาดแผลมาก ดังนั้น จากนี้ไป จงมาหาเราทุกวัน และให้เราได้ทำให้เจ้าได้รู้ว่าเราสนใจเจ้าแค่ไหน” เอลีอุ้มพันชินเนลโลลงจากเก้าอี้ “จำไว้นะ” เอลีกล่าวขณะที่พันชินเนลโลก้าวออกจากประตู “เจ้าเป็นคนพิเศษ เพราะว่าเราสร้างเจ้ามา แล้วเราไม่ได้สร้างเจ้ามาผิดพลาด”

พันชินเนลโลเดินจากไปพร้อมกับคิดว่า “ฉันคิดว่าเขาคิดอย่างนั้นจริง ๆ” แล้วทันใดนั้น สติ๊กเกอร์รูปจุดก็ล่วงหล่นลงพื้น