เมื่อท่านประสบความสำเร็จ
อีกไม่กี่เดือนก็จะสิ้นปีแล้ว แปดเดือนที่ผ่านมาบางคนอาจจะคิดว่าตนเองทำงานยังไม่เต็มที่, ไม่เป็นที่น่าพอใจ, ไม่ค่อยตรงเป้าเท่าไร อาจเกิดความท้อแท้ อยากเปลี่ยนงานที่ทำให้เจริญมากยิ่งขึ้น แต่ตรงกันข้าม บางท่านอาจรู้สึกพึงพอใจในผลงานของเดือนที่ผ่านมา และบางท่านอาจไม่ค่อยชอบงานที่ทำก็ได้ ใช่ไหมครับ…
มีคำกล่าว่า “จงหางานที่เรารัก ไม่ก็ให้รักงานที่เราทำ” สนุกกับมัน ทำความเข้าใจกับมัน ค้นหาประโยชน์ พระพร และคุณค่าของงานที่เราทำ แน่นอนหากเราเข้าใจจุดนี้ เราจะสามารถขอบพระคุณพระเจ้าได้เสมอ ขณะที่เราทำงาน ยังไง วันนี้ให้เรามาคิดถึงคุณค่าของความคิด ท่าทีที่มีต่อการทำงาน และการรับใช้ของเราสัก 3 ข้อ ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจ และช่วยท้าทายในการดำเนินชีวิตในปีใหม่นี้
1. มันเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้นเอง
อย่ายึด หรือภูมิใจ ติดกับความสำเร็จที่ผ่านมามากเกินไป ให้ตระหนักว่ามันเป็นเพียงก้าวแรกแห่งการเริ่มต้นในงานที่ยิ่งใหญ่ ที่เราต้องพบอีกในภายหน้า มีคนถามธอร์วาลเซน ปฏิมากรผู้มีชื่อเสียงชาวเดนมาร์กว่า “คุณคิดว่างานชิ้นไหนครับที่เป็นอนุสาวรีย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ” เขาตอบทันทีว่า “ยังไม่ได้ทำครับ ผมคิดว่าชิ้นต่อไปนี้แหละ” เปาโลยึดถือเสมอว่า “ข้าพเจ้าไม่ถือว่า ข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่งคือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า” (ฟป.3:13)
2. ทุกอย่างมีวาระ
“แต่วาระและโอกาสมีมาถึงเขาทุกคน” (ปญจ.9:11) ใช่ว่าเราจะตกต่ำ ผิดพลาด ผิดหวังตลอดไป แต่ให้เราเตรียมพร้อมที่พบกับความสำเร็จที่จะมาถึงเช่นกัน ข้าพเจ้าอยากให้ท่านรู้จักชายคนหนึ่ง เขาประกอบธุรกิจล้มเหลวในปี 1831, พ่ายแพ้การเลือกตั้งปี 1832, ธุรกิจล้มเหลวอีกในปี 1833, ได้รับเลือกเข้าสภาปี 1834, คนรักตายปี 1835, เป็นโรคประสาทเสื่อมปี 1836, พ่ายแพ้การเลือกตั้งเป็นประธานสภาปี 1838, ไม่ได้เข้ารับเลือกตั้งปี 1840, ไม่ได้เป็นพนักงานที่ดินปี 1843, ได้รับเลือกตั้งเข้าสภาคองเกรสปี 1845, ไม่ได้เลือกเข้าสภาซีเนตปี 1855, ไม่ได้เป็นรองประธานาธิบดีปี 1856, แต่ต่อมาในปี 1860
บุรุษผู้นั้นคือ อับราฮัม ลินคอล์น ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาครับ 30 ปี แห่งความอดทน เพียรมานะ พยายามและรอคอย อย่าคิดว่าหมดหวัง พระเจ้าไม่อวยพร โมเสสเองซึ่งเป็นผู้รับใช้พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และสัตย์ซื่อ กว่าจะเป็นผู้ทำงานใหญ่ได้ ต้องไปเลี้ยงแกะถึง 40 ปี
3. อย่าลืมความยินดี
สมัยที่มาร์ติน ลูเธอร์ยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านเป็นคนที่มีใบหน้าเศร้าหมองมาก เนื่องจากการต่อสู้เพื่อความเชื่อของท่านและถูกต่อต้าน” ภรรยาของท่านได้เห็นท่านมีใบหน้าเศร้าหมองอยู่ตลอดเวลานั้น วันหนึ่ง เธอจึงแต่งชุดดำ ลูเธอร์จึงถามเธอว่า “ทำไมเธอจึงแต่งชุดดำ” เธอตอบว่า “เธอไว้ทุกข์ให้กับพระเยซู เพราะพระองค์ตายเสียแล้ว” ลูเธอร์ตกใจมาก กล่าวตอบว่า “พระเยซูทรงพระชนมอยู่ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า เธอควรจะปิติยินดีต่างหาก” ภรรยาท่านจึงตอบว่า “แล้วทำไมใบหน้าของเธอจึงเศร้าหมองนัก เหมือนกับว่าพระเยซูตายเสียแล้ว” ลูเธอร์คิดได้ จากนั้นท่านก็เปลี่ยน มีใบหน้าที่สดใสและเต็มไปด้วยความหวัง เพราะพระเยซูคริสต์ทรงพระชนม์อยู่ และช่วยเราได้ในทุกสิ่ง
“จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าของย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด” (ฟป.4:4)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น