วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

การข่มเหงและการเกิดผล

การข่มเหงและการเกิดผล

ประมาณปี คศ.62 กรุงโรมปกครองโดยกษัตริย์เนโร กษัตริย์องค์นี้อ่อนแอมาก ตามประวัติศาสตร์เล่ากันว่า ท่านได้ฆ่ามารดาของตน และท่านถูกตัดอวัยวะเพศทิ้ง และมารดาของท่านก็เกลียดชังลูกสะใภ้ ท่านคงจะเป็นโรคประสาทด้วย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

ที่ร้ายกว่านั้นท่านมีความคิดแปลกๆ คือท่านได้คิดจะเผากรุงโรมและคิดจะสร้างใหม่ แต่ประชาชนได้ลุกฮือขึ้นต่อต้าน เพราะความเดือดร้อนที่บ้านเมืองถูกไฟเผา ต่างหนีเอาชีวิตรอดด้วยใจเคียดแค้นและด้วยความเกลียดชัง แต่แล้วกษัตริย์เนโรซึ่งเกลียดชังคริสเตียนอยู่แล้วในช่วงนั้น จึงโยนความผิดให้พวกคริสเตียน โดยอ้างว่าพวกเป็นคนเผา เหตุนี้เองจึงมีการจับคริสเตียนมาลงโทษ โดยจับปล่อยไว้กลางสนามกีฬา แล้วปล่อยสิงโตที่อดอาหารมาหลายๆ สัปดาห์ให้ออกมากัดกิน ท่ามกลางการชมอย่างสนุกสนานของประชาชนชาวโรม คริสเตียนบางคนก็ถูกเผาทั้งเป็นเสมือนเป็นโคมไฟในเวลากลางคืน เพราะการที่ไม่ยอมปฏิเสธว่า พระคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า อาจารย์เปาโลกับท่านเปโตรก็ตายในสมัยกษัตริย์องค์นี้ปกครองแหละครับ

จากจุดนี้เอง จีงสร้างความแปลกใจให้กับประชาชนและที่ราชการของกษัตริย์เนโรมาก เพราะขณะที่คริสเตียนถูกสิงโตกิน พวกเขาเกาะกลุ่มกันร้องเพลงนมัสการสรรเสริญพระเจ้า เสียงเพลงดังก้องไปทั่วสนามกีฬา

ข้อคิดในเรื่องนี้คือ ทุกยุคทุกสมัย คริสเตียนพบกับปัญหาเผชิญกับอุปสรรคและความตายเสมอ แต่ยิ่งถูกข่มเหง คริสตชนผู้เชื่อก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไม่เคยหยุด เช่นกันแม้จะมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้นในชีวิตของเรา แต่เสียงสรรเสริญที่เปล่งในจิตวิญญาณของเราไม่ควรดับไป

อย่าให้อุปสรรคปัญหาที่เล็กน้อยมากในสมัยของเรานี้ไม่ถีงกับเลือดตกยางออก หรือต้องชีวิตถีงตาย เหมือนผู้เชื่อในอดีต อย่าให้เราท้อแท้และละทิ้งความเชื่อในพระเจ้าไปเสียเพราะสิ่งที่เราจะได้มีค่าและมีความหมายสูงส่งกว่า ความทุกข์เล็กๆ น้อยๆ ที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้เรา คือชีวิตนิรันด์ ชีวิตที่หมดจากเวรกรรม สันติสุขแท้ที่ไม่เหมือนโลกให้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น