วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

ปีใหม่กับความวิถีใหม่ ตอน 4 จงมีวินัย

ปีใหม่กับความวิถีใหม่ ตอน 4 จงมีวินัย

แม้ยุคศตวรรษที่ 20 เป็นยุคไฮเทค อุปกรณ์ทันสมัย รวดเร็วทันใจ แต่ว่าสิ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับคนเช่นกัน “เพราะความอืดอาด ความนิ่งเฉย เป็นบาปอย่างหนึ่งที่ไม่น่าให้อภัย” เช่นกัน

พระเจ้าต้องการใช้คนที่กระตือรือร้นและมีวินัย เป็นคนที่จะกระตุ้นศักยภาพของตนเองในการดำเนินชีวิตและไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของท่านให้เจริญขึ้น

เจ. ออสวอน แซนเดอร์ ได้กล่าวไว้ว่า “…เพราะถึงแม้มีความสามารถมากมาย แต่ถ้าไม่มีวินัย ความสามารถนั้นจะไม่พัฒนาอย่างเต็มที่ คนที่มีวินัยเท่านั้นจะพัฒนาศักยภาพของตนได้สูงสุด เขาเป็นผู้นำได้เพราะเขาชนะตนเอง” นี่เป็นเพียงเดือนแรกที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในปีนี้ อย่าลืมเสียล่ะว่า “จงยึดวินัยไว้ และอย่าปล่อยไป จงระแวดระวังเธอไว้ เพราะเธอเป็นเจ้าของชีวิตของเจ้า” (สภษ.4:13)

ปีใหม่กับความวิถีใหม่ ตอน 3 ปฎิทินของท่าน

ปีใหม่กับความวิถีใหม่ ตอน 3 ปฎิทินของท่าน

ชาวบาบิโลน เริ่มคิดใช้ปฏิทินเพื่อติดตามเวลา อาศัยระยะดวงจันทร์หมุนรอบโลกเป็นหลักครบ 12 เดือน กำหนดเป็น 1 ปี ก่อนนั้นชาวกรีกและชาวโรมันถือปฏิบัติตามหลักจูเลียส ซีซาร์นี้โดยใช้วันที่ 1 มกราคมเป็นวันหยุดสากล มีพิธีบวงสรวงสังเวยเทพเจ้าเยนิส มีการเยี่ยมเยียนแลกเปลี่ยนของขวัญแก่กันและกัน เลี้ยงดูสนุกสนานทั่วไป

ส่วนประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงวันขึ้นปีใหม่โดยรัชกาลที่ 5 ได้เปลี่ยนตามทางสุริยะคติจาก 13 เมษายน พร้อมกับการเปลี่ยนศักราชใหม่ และจนมีการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่อีก ซึ่งตกในเดือนอ้าย โดยใช้ 1 มกราคม 2482 เป็นวันขึ้นปีใหม่นับแต่ปีนั้นมา ตามความเชื่อของคนไทยจุดหนึ่งคือ วันปีใหม่จะตรวจสอบชีวิต จิตใจที่ผ่านมา ทำอะไรผิดพลาด บกพร่อง และจะตั้งใจทำใหม่ในปีใหม่นี้

เราเองซึ่งเป็นคริสตชนที่อยู่ในเมืองไทยก็ลองสำรวจดูปีที่ผ่านมา มีอะไรที่ไม่นำไปสู่พระพรไม่เกิดผลอย่างเต็มที่ การดำเนินชีวิตคริสเตียน ไม่ว่าการอธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ การประกาศ เป็นพยาน การถวายทรัพย์ สิบลด การถวายตัว การนมัสการวันอาทิตย์ รวมถึงท่าทีความสัมพันธ์ต่อเพื่อนบ้าน พี่น้อง พ่อแม่ รวมถึงการรับใช้ และความขยันขันแข็ง การมีระบบระเบียบวินัย ในการทำงานในองค์กร หน่วยงาน บริษัท การเรียน

สิ่งเหล่านี้เป็นหลักพื้นฐานชีวิตประจำวันของเราทุกคน ผมคิดว่าการมีระเบียบวินัยกับตนเองจะนำไปสู่เป้าหมายอย่างสำเร็จได้

ปีใหม่กับความวิถีใหม่ ตอน 2 ท่านเป็นผู้รับใช้

ปีใหม่กับความวิถีใหม่ ตอน 2 ท่านเป็นผู้รับใช้

ผมอยากหนุนใจในปีใหม่นี้ให้ท่านคิดเสมอว่าท่านเป็นคนรับใช้เต็มเวลา ทำงานตามอาชีพที่พระเจ้ามอบให้แก่ท่านไป และอย่าลืมบริหารการเงิน เก็บจัดสรรเงินเพื่อใช้ในการรับใช้พี่น้องตามกำลังและตะลันต์ตามความสามารถของท่าน เพราะพระเจ้าไม่ได้ เรียกเกินที่ท่านมีครับ

เราอาจจะไม่ได้อยู่ในองค์กรที่ต้องทำงานเต็มเวลาหรือในคริสตจักร แต่เราเต็มเวลา เต็มที่ในที่ที่พระเจ้าให้เราอยู่ในวันนี้ ก็ขอหนุนใจบอกท่านว่าท่านเป็นคนที่ใช้การได้ ทำได้ตามเวลา กำลังที่ท่านได้ลงทุนลงแรงไป

ส่วนทีมพันธกิจของพวกเรา ท่านสามารถสนับสนุนโดย เมื่อท่านเข้าไปในเว็บบล็อกแล้ว ขอให้ท่านช่วยคลิก โฆ ษณา ที่อยู่ข้าง ๆ ทั้งสามบล็อก วันละหนึ่งครั้งต่อหนึ่งบล็อก ก็พอนะครับ อย่าทำมากกว่านั้น

การร่วมมือของเราทุกคน จะช่วยให้เราได้ค่าใช้จ่ายจากกูเ กิลมาใช้ในการทำงานของพวกเราในการเดินทางไปสอน ไปช่วย ตามที่ต่างๆ และหลายครั้ง เราไปสอนเสร็จ เราเองก็ถวายเงินกลับให้กับหน่วยงาน หรือคริสต
จักรนั้น ๆ ด้วย

ทีมพวกเราไม่เคยเรี่ยไรครับ ในการทำพันธกิจ พวกเราทำงานและจัดสรรเงินเดือนแต่ละเดือนเป็นค่าเดินทางที่พักเอง เมื่อมีการเชิญทีมเราไป

ขอบคุณหลายคริสตจักรและหน่วยงานที่ช่วยออกค่าที่พักให้กับพวกเรา แต่สำหรับ หลายที่ท่านไม่มีกำลังพอ ไม่ต้องห่วงและกังวลที่จะเชิญพวกเราไปนะครับ เพราะพวกเราคิดเสมอว่าเราเป็นผู้รับใช้เต็มที่ ทำอาชีพไป เก็บเงินเดินทาง เป็นค่าใช้จ่ายเองได้

ปีใหม่กับความวิถีใหม่ ตอน 1 พัฒนาด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ

ปีใหม่กับความวิถีใหม่ ตอน 1 พัฒนาด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ

สัปดาห์นี้หากผมจะกล่าวคำว่า สวัสดีปีใหม่ กับทุก ๆ ท่านคงไม่สายเกินไปนะครับ เพราะไม่ได้เขียนบทความมานานเลย เนื่องจากผมต้องเดินทาง และให้คำปรึกษาผู้ที่ทำงานด้าน การเยียวยา เผยวจนะตลอด เพิ่งได้หยุด ปีใหม่ปีนี้ ก็มีโอกาสได้พักช่วงวันสิ้นปีสองสามวัน ก็นั่งคิด วางแผน เขียน บทความเพิ่ม เป็นบทความด้านการพัฒนาศักยภาพผู้นำ และการเสริมสร้างจิตใจและจิตวิญญาณให้เข้มแข็งและเจริญเติบโต

พวกเราต้องเข้าใจก่อนว่ามนุษย์ ประกอบไปด้วย ร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ แต่น้อยคนที่จะพัฒนาด้านจิตวิญญาณ เพราะวิญญาณจิตหรือจิตวิญญาณ เจริญเติบโตได้ ท่านเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ไม่โตฝ่ายวิญญาณไหมครับ

หลายคนลงทุนพัฒนาด้านร่างกาย ซื้ออาหารเสริม สมัครเล่นฟิตเนส บางคนพัฒนาให้อาหารแก่จิตใจ ดูหนังฟังเพลง ดูตลกคาเฟ่ หรือเที่ยว ตามแต่คนจะชอบ แต่ท่านไม่พัฒนาด้านจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นเรื่องนิรันดร์จะอยู่ตลอดไป ท่านอาจจะเสียความสมดุลย์ด้านชีวิตก็ได้

เพราะจิตใจกำหนดร่วมกับความคิดว่าจะให้ร่างกายทำอะไร เช่น ใจเศร้า หน้าตาท่าทาง อารมณ์ท่านเศร้า ส่งผลต่อการทำงาน แต่ใจร่าเริงล่ะ คุณภาพชีวิตวันนี้เยี่ยมไปเลย กินได้นอนดี แต่ว่าจิตวิญญาณเป็นตัวกำหนดตัวตนของเราและมีอำนาจเหนือจิตใจและร่างกาย

เรื่องเหล่านี้จะค่อย ๆ สอนครับ เหมือนพระเยซูบอกว่าหากเราได้สิ่งสารพัด (วัตถุสิ่งของที่ตอบสนองจิตใจ ร่างกาย) แต่ต้องเสียชีวิต (จิตวิญญาณ ) เราจะได้อะไร

ก็ขอออวยพรให้ท่านเลือก จิตวิญญาณนะครับ ในปีใหม่นี้ เว็บบล็อกที่ผมเขียนเพิ่มมี

http://i-leadership.blogspot.com/


http://b-bettermind.blogspot.com/

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

I-Leadership, B-Better Mind ตอน 3

สวัสดีค่ะ

วันนี้มีบทความด้านการพัฒนาศักยภาพผู้นำ และการเสริมสร้างจิตใจและจิตวิญญาณให้เข้มแข็งอัพเดทใน Blog

http://i-leadership.blogspot.com/
ทุกคนเป็นผู้นำได้ ตอนสามไม่มีวิธีไหนดีที่สุ



http://b-bettermind.blogspot.com/
การสร้างจิตวิญญาณให้เข้มแข็ง ตอนที่สาม อย่าตัดสัมพันธ์คนง่าย ๆ


กรุณาสมัครเป็น "ผู้ติดตาม" นะคะ จะได้รับอัพเดท Blog อย่างฉับไวค่ะ

อย่าลืมผู้สนับสนุนของ River Ministries Center Blog ของเราด้านขวาด้วยนะคะ

ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

์New Pastor's blogs

สวัสดีค่ะ ขออนุญาตเป็นตัวแทนอาจารย์เจริญประชาสัมพันธ์่ข่าวสารให้กับผู้ติดตามค่ะ

อาจารย์เจริญได้สละเวลาเปิด Blog ใหม่ที่เป็นประโยชน์แก่ทุกท่านเพิ่มเติมค่ะ ได้แ่ก่

http://i-leadership.blogspot.com/

http://b-bettermind.blogspot.com/


โดยท่านสามารถเข้าไปดู Blog ดังกล่าวได้จากลิงค์ที่อยู่ด้านขวาืมือของบล็อก River Ministries Center ค่ะ

I-Leadership จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพด้านความเป็นผู้นำค่ะ โดยไม่ได้จำกัดเฉพาะในสภาพแวดล้อมการทำงาน แต่รวมถึงการนำในชีวิตครอบครัวด้วยค่ะ น่าจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกคน

ฺB-Bettermind เน้นด้านการปรับทัศนคติ และเสริมสร้างจิตใจให้แข็งแรง และมีความสุขในชีวิตแต่ละวันค่ะ


และอาจารย์จะเป็นบล็อกที่เป็นประโยชน์แต่ละด้านเพิ่มเติมนะคะ

อยากขอเชิญทุกท่านสมัครเป็นผู้ติดตามของทุก Blog ที่อาจารย์เจริญเขียนด้วยนะคะ

สุดท้ายนี้นอกจากบล็อกใหม่ เรายังมีอีกเซ็คชั่นสำคัญด้านขวามือคือผู้ สนับ สนุนค่ะ

ทุกการกดที่ลิงค์ดังกล่าวจะเป็นรายได้สำหรับกลุ่มพันธกิจแม่น้ำค่ะ

ขอพระเ้จ้าอวยพรทุกท่านให้มีพลังกายและพลังใจเข้มแข็งในแต่ละวันค่ะ :)

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

Worship - Mighty to save

Mighty to save

Michael W Smith



Everyone needs compassion, love that's never failing
Let mercy fall on me
Everyone needs forgiveness, the kindness of a Savior
The hope of nations

Savior, He can move the mountains
My God is mighty to save, he is mighty to save
Forever, Author of Salvation
He rose and conquered the grave
Jesus conquered the grave

So take me as you find me, all my fears and failures
Fill my life again
I give my life to follow, everything I believe in
Now I surrender

Savior, He can move the mountains
My God is mighty to save, he is mighty to save
Forever, Author of Salvation
He rose and conquered the grave
Jesus conquered the grave

Shine your light and let the whole world see
We're singing
For the glory of the risen king, Jesus
Shine your light and let the whole world see
We're singing
For the glory of the risen king

การฟังเสียงพระเจ้า ตอน 8

ทำไมไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้า

มั่นใจได้อย่างไรว่าเป็นเสียงของพระเจ้า
พระวิญญาณบริสุทธิ์จะใช้เสียงเราเองคุยกับเรา เพราะเราเป็นวิหารของพระองค์ และเสียงนั้นจะไม่ใช่เป็นเสียงแปลก ๆ ที่ไม่ใช่เสียงเรา ในการสื่อในความคิด หรือเสียงในใจ หรือในวิญญาณครับ

เสียงพระเจ้าจะเป็นเป็นเสียงพูด ประโยคสั้น หรือยาวที่ร่วมกัน ความรู้สึกของเราที่รู้สึกตัว หากท่านได้ยินที่ แปลก ๆ ไม่เสริมสร้าง ช่วยให้กลับใจ หรือชูใจ ก็ต้องคิดใหม่ละครับ หรือว่าปรึกษาผู้นำฝ่ายวิญญาณของท่าน

เสียงที่ไม่ได้มาจากพระเจ้าจะนำไปสู่เนื้อหนัง การทำความทำบาป ข่มขู่ กดดัน ไม่ใช่ความรักและการหวังดี หรือนำการเยียวยา รักษา อีกทั้งไม่มีพระคำสนับสนุนในบริบทนั้น ๆ เลย คือไม่ใช่น้ำพระทัยพระเจ้า ผิดพระลักษณะอันบริสุทธ์ของพระองค์ แต่อย่างไรก็อย่าท้อแท้ เพราะ การฟังเสียงพระเจ้าผิดบ่อย ๆ ก็ช่ วยให้เรา ฟังถูกได้ เพราะต่อไปเราจะได้รู้ว่าเสียงแบบนี้ (ที่ผิด) ไม่ใช่แน่นอน

การไม่ได้ยินเสียงพระเจ้า
หากเรามีความบาป เราจะได้ยินเสียงของพระเจ้าหรือไม่? ได้ยินครับ เพราะเมื่ออาดัมเอวาทำบาป เขาสองคนก็ได้ยินเสียงของพระเจ้าที่เรียกตรัสตามหาตัวเขา และเขาก็ตอบพระองค์ได้เช่นกัน

ความบาปทำให้เราได้ยินเสียงพระเจ้าได้อยู่ ในขณะเดียวกัน แม้เราทำบาปพระเจ้าก็ยังตรัสกับเรา แต่เพราะความบาป พระเจ้าจะไม่ตอบคำอธิษฐานของเราก็ได้

ยังมีอีกหลายปัจจัย หากเราไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้าก็เพราะความบาป ไม่ยกโทษ ขมขื่น หรือเปรียบเสมือน คลื่นวิทยุชุมชุน คลื่นแทรก คลื่นวิทยุปกติ คือ เสียงเพลง ภาพยนต์ ความคิดมากมายที่แทรกเข้ามาในการสงบ การรอคอยการฟังเสียงพระเจ้า เราอ่าน ฟัง คิดอะไรมาก เรื่องเหล่านั้นก็เข้ามารบกวนจิตวิญญาณของเราได้ครับ

จำเป็นมากที่ระบบความคิดของเราไม่ได้รับการชำระ เพราะเราหมกมุ่นกับบางสิ่งมากเกินไป จนปิดจากพระวิญญาณ และธรรมชาติเนื้อหนัง ปิดบังตาใจของเราจนสิ้น ความไม่เชื่อก็เกี่ยวข้อง เพราะการไม่เชื่อฟัง ดื้อ ดึง ของเราจนเสียงพระเจ้าไม่มีความสำคัญไปเลย

1คร14:4 คนมีวิญญาณจิตอ่อนแอ ไม่ได้รับการเสริมสร้างให้แข้มแข็ง ก็ไม่สามารถฟังเสียงของพระเจ้าได้เต็มที่ครับ ด้วยเหตุนี้เอง ยูดา 20 จงสร้างตัวและอธิษฐานภาษาแปลก ๆ ตัวตนข้างใน

เพราะหากตัวตนข้างในอ่อนแอ (ผมหมายถึงชีวิตภายใน หรือจิตวิญญาณ) ไม่ได้เสริมสร้าง เราก็จะไม่ได้ยินเสียงพระเจ้าชัด เพราะจิตวิญญาณส่วนการรับรู้ การสัมผัสการตรัสจากพระเจ้าหลับ ควรรับการบำบัดเยียวยาหรือปลุกให้ตื่นครับ (เรื่องนี้ท่านอ่านได้ในหัวข้อ Slumbering Spirit, ของ John Sandford/Elijah House)

การฟังเสียงพระเจ้า ตอน 7

พระเจ้าสื่อสารกับเราผ่านความคิด ความรู้สึก และเสียงได้

การฟังเสียงพระเจ้าผ่านทางการสื่อสารจากพระเจ้าถึงร่างกายของท่าน เช่น พระเจ้าตรัสโดยมีถ้อยคำยิงเข้ามาในใจ หรือในสมองความคิดของท่าน แต่ต้องใช้พระวจนะเปรียบเทียบและจิตสำนึกผิดชอบ อีกทั้งเสียงนั้นต้องไม่ขัดต่อพระลักษณะของพระเจ้าและจริยธรรม อีกทางหนึ่ง คือ ความรู้สึกผิดชอบที่อึดอัดในใจ ก็เพราะเราเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ รู้สึกอย่างไรก็จะใช้ ร่างกายท่านนการสื่อสารกับพระองค์ เช่น มีคนขโมยของมาฝากท่าน ท่านอาจถามพระเจ้าว่าควรรับหรือไม่ แน่นอน ความรู้สึกผิดชอบ ไม่สบายใจ อึดอัดปั่นป่วนท้อง ความทุกข์ร้อนใจก็จะปรากฏในใจท่านนี่เอง

อีกทางหนึ่งคือ คือ ทุกครั้งที่ท่านอธิษฐาน จะมีการร้องเพลง นมัสการ ขอบคุณพระเจ้า แต่ละครั้งควรมีการนั่งนิ่ง ๆ ฟังเสียงพระองค์ บางครั้งก็ใช้เวลานานหน่อยกว่าพระเจ้าจะตรัส เพราะทรงอยากอยู่กับท่านนาน ๆ ไม่อยากให้ท่านมาเพื่อขอประโยชน์ส่วนตัว แต่ไม่สนใจพระเจ้าเลย

บางครั้งพระองค์ก็ตอบไว แต่เวลาที่เงียบฟังเสียงเป็นสิ่งสำคัญมาก ผมจะยกตัวอย่างสักเรื่อง ขณะที่เรียนปีสุดท้ายผู้เขียนได้ทุนไปอบรมสัมนาต่างประเทศช่วงสั้น ๆ แต่เนื่องจากเป็นนักศึกษาอยู่ เลยไม่มีเงินทำหนังสือเดินทาง หรือค่าใช้จ่าย แต่ผู้ให้ทุนค่าสัมนาได้จองที่พักและค่าลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว (น่าเสียวไส้นะครับ ให้กันแบบนี้ โดยผมไม่รู้ตัวมาก่อน) เขาจัดการเสร็จแล้วมาบอกผม แต่อย่างไรต้องขอบคุณท่าน และพระเจ้าที่ให้โอกาสผมในขณะนั้น ผมอธิษฐานนั่งฟังเสียงพระเจ้า รอคำตอบว่าควรจะไปหรือปฏิเสธ หากไปก็ไม่มีเงิน หากปฎิเสธก็จะเสียน้ำใจ ผมอธิษฐานและฟังเสียงพระเจ้าเงียบ ๆ วันที่สองพระเจ้าตรัสคำพูดสั้น ๆ ผมมั่นใจมาก เราจะเซ้นท์นะครับ ว่า “ไป”เพราะเราทำบ่อย ๆ จากนั้นผมลงมาทานข้าวเพราะอยู่หอพัก ปรากฎว่ามีอาจารย์ท่านหนึ่งเอาเงินให้ผมก้อนหนึ่ง ผมทานข้าวเสร็จก็เดินทางไปทำหนังสือเดินทางทันทีครับ ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่อยากจะเล่า และท้าทายให้ท่านมีเวลาฟังเสียงพระเจ้าทุกวัน ในเรื่องที่ท่านไม่สามาถตัดสินใจได้

เมื่อรับการเยียวยาชีวิตก็ต้องเผชิญสิ่งเหล่านี้ ตอน 6

เมื่อรับการเยียวยาชีวิตก็ต้องเผชิญสิ่งเหล่านี้
ตอน ห้าเรื่องที่เราไม่สามารถหนีได้ ห้า “เกิดแก่เจ็บตาย ”

เราเรียนเรื่องนี้เพื่อจะรับรู้และเผชิญได้อย่างมีสติปัญญา และรู้ตัวว่าจะแก้ไข หรือรับรู้และสามารถเผชิญกับปัญหาอย่างไร เรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ยังคงวนเวียนเข้ามาในชีวิตเราเสมอ เพียงแต่เราจะรักษามิตรภาพที่ดีกับคนที่เรารัก และคนที่รักเราไว้ในยามทุกข์ยากอย่างไรนั่นแหละสำคัญมาก ยามมีชีวิตอยู่ทำดีดูแลกันให้ดี ยามจากกันไปจะได้ไม่รู้สึกผิดที่เราไม่ได้ทำสิ่งที่ควรทำ แม้เราเปลี่ยนใหม่ เราทำดีที่สุด สิ่งที่เราทุกคนต้องเผชิญคือความตาย

ทัศนคติเรื่องความตายของเราต่างกัน สำหรับผม ผมอิจฉาคนที่ตายครับ เพราะว่าคนเราตายไปก็ไปอยู่กับพระเจ้า ไม่มีโรคภัย ไม่เศร้า ไม่ผิดหวัง ไม่ปล้ำต่อสู้เพื่อรักษาความเชื่อ พระเจ้าจะเช็ดน้ำตา เขาจะรับบำเหน็จรางวัล ไม่ต้องกลัวว่าจะหลงหายหลุดจากความเชื่อ เหมือนพวกเราที่ต้องปล้ำสู้ความบาป เรื่องต้องระวังจะหลงหายไม่ใกล้ชิดพระเจ้า มารล่อลวง ไม่รู้พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น

แต่ทำไมเมื่อคนหนึ่งถึงเวลาที่พระเจ้ารับเขาไป เรากลับไม่ยอมให้เขาตาย เพราะหากมีชีวิตอยู่บางคนอาจเป็นอัมพาต กินไม่ได้ พิการ หรือทำอะไรก็ไม่ได้ บางครั้งเจ้าตัวอยากตาย เพราะจะได้ไปพบพระเจ้า แต่คนเป็นกลับเห็นแก่ตัวอยากให้เขามีชีวิตอยู่ ต้องอยู่ในสภาพทำอะไรไม่ได้ ทรมานกับยาที่กิน

เราจึงต้องคิดว่ามีอะไรที่ดีที่จะให้เขาอยู่ต่อ (ไม่ตายเราเห็นอัศจรรย์ หรือยื้อเวลา) แต่หากเขาตาย (ดีที่สุด) ไม่ต้องทรมานร่างกาย เพราะเจ็บปวดหรือสภาพทำอะไรไม่ได้ ยกเว้นพระเจ้าทำอัศจรรย์ โดยไม่ตายและร่างกายดีสมบูณณ์ก็ เป็นเรื่องที่เราต้องฟังเสียงพระเจ้าชัด ๆ

จากเรื่องทั้งหมดจะเห็นว่าแม้เรารับการเยียวยา เชื่อพระเจ้าผู้อัศจรรย์ เรามีจิตวิญญาณใหม่ แต่รอบข้างเรายังคงเหมือนเดิม ดังนั้นเราต่างหากที่จะต้องเผชิญด้วยความเข้าใจ

เมื่อรับการเยียวยาชีวิตก็ต้องเผชิญสิ่งเหล่านี้ ตอน 5

ห้าเรื่องที่เราไม่สามารถหนีได้ “คนในครอบครัว”

เรื่องที่สี่ คือ เมื่อท่านแต่งงานไปแล้ว มาเจอนิสัยของคู่รัก ที่ไม่น่าเชื่อว่าเราจะรับไม่ได้ หรือการกระทำของลูกที่ไม่เจริญเติบโต หรือคนที่อยู่กับครอบครัวที่มีปัญหาบางเรื่องเช่น เจ้าอารมณ์ ดุ ควบบคุม การพนัน ท่านก็ควรสงบ ใช้สติปัญญา มากเป็นพิเศษ ผ่อนคลาย และสนุกกับการแก้ปัญหา

เราต้องแก้ที่ภายในใจเราที่จะไม่ให้คนภายนอกมาทำให้เราระเบิด หรือคิดน้อยใจ หรือเจ็บปวด เพราะคำพูด สิ่งที่ทำได้ คือถือว่าตายแล้ว อย่าคิดบางเรื่องดัง ๆ เพราะอาจทำให้เกิดปัญหา อย่าพูดทุกเรื่องที่อยากพูด ในเมื่อยังไม่ถึงเวลา อย่าเอาทุกคำพูดของคนมาคิดตาม เพราะบางเรื่องไม่เป็นเรื่อง เลือกที่จะคิด เลือกที่จะทิ้ง เพราะเราไม่สามารถรับทุกสิ่งได้หมด และเราไม่ใช่พระเจ้าที่จะรับทุกสิ่งทั้งโลก ทั้งบ้าน

อันไหนมอบให้กับพระเจ้า อันไหน มอบให้คนอื่นรับผิดชอบ อันไหนรอก่อน อันไหนรีบด่วน หากติดขัดทำเท่าที่ทำได้ก็จบ และอย่ารู้สึกผิด เพราะพระเจ้ารับได้เท่าที่เรามี ที่เหลือพระเจ้าจะช่วย อัศจรรย์นั้นมีจริง ปาฎิหารย์นั้นเกิดขึ้นได้เสมอกับคนที่รักพระอค์ เพียงเรารู้ว่าอะไรควรตอบสนองอย่างไรในครอบครัว และสิ่งที่ดีที่สุดคือการอธิษฐาน รออัศจรรย์เกิดขึ้น เพราะพระเจ้าไม่ลืมคำอธิษฐานของเรา

ตอนนี้ไม่ใช่อยู่ที่สถานการณ์รอบข้าง แต่อยู่ที่เราจะใช้สติปัญญาอย่างไร ทำสิ่งที่ดีที่สุด


อยากจะเล่าเรื่องส่วนตัวสมัยอยู่หอพักครับ ตอนเรียนสมัยนั้นหอพักห้องหนึ่งนอนสี่คน คนสี่คนอยู่ด้วยกัน ผมซึ่งจะอธิษฐานยากมาก เสียงเพลง เสียงเล่นหมากรุก เล่นกีต้าร์ ร้องเพลง ผมมีที่หนึ่งที่คนไม่ค่อยไปโวยวาย คือ ห้องน้ำ ผมเฝ้าเดี่ยวอ่านหนังสือในห้องน้ำ เพราะเวลานั้นห้องสมุดปิดแล้ว ผมไม่มานั่งขมขื่นกับเพื่อน ๆ เพราะผมเปลี่ยนเขาไม่ได้แต่ผมเปลี่ยนตัวเองได้ครับ