วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

เราจะเริ่มทำอย่างไรเมื่อได้ยินคำวิจารณ์

ประการแรก เราต้องทำความเข้าใจคำวิจารณ์ก่อน ไม่ใช่ใส่อารมณ์ในคำวิจารณ์นั้น หลักการก็คือ เอาความคิดด้วยเหตุด้วยผลมาก่อนอารมณ์ ทำความเข้าใจจุดประสงค์ของคำวิจารณ์นั้นว่าเพื่อให้เราปรับปรุง แก้ไขให้ดีขึ้น ไม่ใช่ให้เรารู้สึกแย่ และดังที่ผมกล่าว แยกแยะคำตำหนิด้วยอคติกับคำวิจารณ์ เพราะคำวิจารณ์อาจจะเป็นโอกาสที่ทำให้ได้พัฒนาขึ้นได้อีก เป็นโอกาสให้เราเข้าใจสถานการณ์ หรือมองภาพในมุมที่เรามองไม่เห็น

ประการที่สอง ขอความคิดเห็น การอธิบายจากผู้วิจารณ์ ว่าควรปรับปรุงอย่างไร แทนที่จะโกรธ หรือน้อยใจ โมโห ผู้วิจารณ์ เพื่อเขาจะได้ชี้แนะในจุดที่เรามองไม่เห็น แต่ว่าถ้าคำวิจารณ์นั้นมันไม่ใช่ตัวตนของท่านก็จงเป็นตัวของตัวเอง

ประการที่สาม ถามตัวเอง ทำไมเราจึงเจ็บปวด หมกมุ่นกับคำวิจารณ์นั้นมากเกินไป นั่นหมายถึงเราต้องมีรากบางอย่าง เช่น เราเป็นคนปกป้องตัวเองมากเกินไปไหม เราเป็นคนไม่ยุติธรรมไหม เพราะเราวิจารณ์ผู้อื่น แต่เรากลับยอมรับคำวิจารณ์ไม่ได้ หรือเรามีอคติกับผู้วิจารณ์หรือเปล่า ทั้งหมดเหล่านี้ ให้เราสารภาพบาป และประกาศออกเสียงเบา ๆ ขอปฎิเสธพฤติกรรมเหล่านี้ ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ ช่วยให้กำลังที่จะอวยพรคนที่วิจารณ์เรา และสร้างวินัยใหม่ ให้ใจกว้าง ยอมรับ สร้างระบบความคิดใหม่ว่าเราต้องใจกว้าง เติบโต และรู้จักขอบคุณผู้วิจารณ์ และยิ่งหากท่านไม่ได้ยินคำวิจารณ์จากปากคนนั้นโดยตรง ลืมไปเลย เพราะจากการเล่าปากต่อปาก อาจมีความจริงเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น เจ็บจุดไหน แก้วินัยในการคิดจุดนั้นครับ

ประการสุดท้าย สงบ อย่ารีบตอบโต้ หายใจเข้าออกลึก ๆ และขอบคุณพระเจ้า เพราะนั่นหมายความว่ามีคนสนใจ มองเห็นท่าน เห็นค่าในผลงาน การกระทำของท่าน แล้วมันเตะตา แตะใจเขา จึงมีคำวิจารณ์ กระตุ้นให้เขาคิด และห้ามตอบโต้ทั้งด้านคำพูด หรือการกระทำใด ๆ เพราะยิ่งท่านนิ่ง สงบ ความเจ็บปวดก็หายเร็ว ยิ่งท่านดิ้น ตอบโต้ บาดแผลก็จะมากยิ่งขึ้น และเจ็บมากขึ้น เรื่องไม่จบสักที จำไว้ว่า ศิษย์ไม่ใหญ่กว่าครู พระเยซูไม่เคยทำผิดกับใครเลย ผ่านมาสองพันปี คนเราทุกวันยังวิจารณ์ปฏิเสธพระองค์เลยครับ

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

Worship song - His Glory Appears - Hillsong Faith + Hope + Love



His Glory Appears - Hillsong
Verse:
You gave me hope
You made me whole
At the cross
You took my place
You showed me grace
At the cross where You died for me

Chorus:
And His glory appears
Like the light from the sun
Age to age He shines
Look to the skies
Hear the angels cry
Singing Holy is the Lord

เราจะหลีกเลี่ยงคำวิจารณ์ไม่ได้ แต่จะแก้ความเจ็บปวดจากคำวิจารณ์ได้อย่างไร

เราต้องคำนึงเสมอว่าเมื่อเรารับคำชมได้ ก็ควรรับการกล่าวถึงด้านลบ ได้เหมือนกัน และท่านก็เคยวิจารณ์คนอื่นเหมือนกัน ควรเปิดใจกว้างครับ

คำวิจารณ์มีสองแบบ คือ วิจารณ์เพื่อตำหนิด้วยอคติ ส่งผลต่อจิตใจและการทำงาน อาจเสียความสมดุลก็ได้เลยครับ แต่ก็มีอีกด้านหนึ่ง คือ การวิจารณ์แบบเสริมสร้าง เพื่อให้ข้อคิด สำหรับการปรับปรุง เราก็ควรเปิดใจรับด้วยความยินดี

เราต้อง คิดใหม่ ปรับเปลี่ยนในคำวิจารณ์นั้นเปลี่ยนคำที่ลบ ๆ เป็นข้อบวก ที่จะนำไป แยกแยะและคิดตาม เพื่อก่อเกิดประโยชน์แก่ตัวเอง และทำใจให้กว้าง ว่าที่เขาพูดมีความจริงอยู่บ้างไหม หากมีและใช่ก็จงขอบคุณผู้วิจารณ์ เพื่อ ความสมบูรณ์ กำลังจะเข้ามาแทนที่

หากคำวิจารณ์นั้นไม่เป็นความจริง เราก็ควรอธิษฐาน ประกาศยกเลิกปฎิเสธ ไม่รับ และทำใจให้สบาย ถือว่าเป็นเสียงของคนมีสิทธิพูด แต่เราก็มีสิทธิไม่รับ เพราะเราจะเชื่อในคำพูดที่พระเจ้า พระคัมภีร์พูดเท่านั้น

วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553

คำพูด 7 ประโยคสุดท้ายของพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนที่มีผลต่อเรา

คำพูดที่ 1. "พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย" มธ.27:46
• นี่เป็นชั่วโมงที่เก้าของพระเยซูและพระองค์ทรงร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง พระองค์ทรงระบายความรู้สึกของพระองค์ที่ถูกพระเจ้าทอดทิ้ง เมื่อพระเจ้าทรงนำความบาปของโลกนี้ไว้บนกายของพระองค์และเพราะความบาป สกปรก ทั้งหมดทั้งโลก ความโสโครก ความสกปรกมลทินเหล่านั้น ทำให้พระเจ้าผู้บริสุทธิ์ต้องหันหนีจากพระเยซู เพราะพระเจ้าไม่สามารถทนมองดูได้ ในขณะที่พระเยซูทรงสัมผัสถึงความหนักอึ้งของความบาปที่พระองค์ทรงประสบและทำให้ต้องแยกจากพระเจ้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวเท่านั้นในนิรันดร์กาล และนี่เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คำ พยากรณ์ที่มีใน สดด.22:1 สำเร็จ

• ผลจากการที่พระเยซูคริสต์ต้องรับความเจ็บปวดและถูกตัดขาดจากพระเจ้า โดยการรับความบาปของเราไปไว้ที่กายของพระองค์ ด้วยเหตุนี้เมื่อเราสารภาพบาปและขอการยกโทษเรามั่นใจว่าพระองค์ทรงกระทำสำเร็จแล้ว พระเจ้าจะไม่หันหน้าไปจากเราอีก เพราะพระเยซูคริสต์ทรงถูกทอดทิ้งไปครั้งหนึ่งแทนเราแล้ว


คำพูดที่ 2 "โอพระบิดาเจ้า ขอโปรดอภัยโทษเขาเพราะว่าเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไร". ลก.23:34
• พระองค์ทรงประกาศการให้อภัยคนเหล่านั้นที่ตรึงพระเยซูที่บนกางเขน พวกเขาไม่เข้าใจภาพรวมทั้งหมดของสิ่งที่พวกเขาได้ทำไป เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าพระเยซูทรงเป็นพระเมสสิยาห์ ถึงแม้ว่าการที่พวกเขาไม่เข้าใจถึงความจริงของพระเจ้า ไม่ได้หมายถึงว่าพวกเขาสมควรได้รับการอภัยโทษ เพราะพวกเขาก็ยังเป็นคนบาปอยู่ดี พระเยซูจึงต้องอธิษฐานเผื่อพวกเขาในขณะที่พวกเขาเยาะเย้ย ล้อเลียนพระองค์ และนี่เป็นภาพของพระคุณของพระเจ้าที่ไม่มีขีดจำกัด แก่ทุกคนในโลกนี้

• ในทำนองเดียวกันพระเยซูคริสต์ทรงอธิษฐานเผื่อเราทุกคนที่ปฎิเสธพระองค์และหันหลังให้พระองค์ หรือทำในสิ่งที่เราไม่สมคสรทำเพียงเรากลับใจใหม่ และหันกลับมาหาพระองค์ อย่าทำให้พระคุณของพระเจ้านั้นเสียเปล่านะครับ

คำพูดที่ 3. "เราบอกความจริงแก่เจ้าว่า วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม" ลก.23:43
• ภาพในตอนนี้พระเยซูทรงให้ความมั่นใจกับคนที่เป็นโจร อาชญากร บนไม้กางเขนว่าเมื่อเขาตายไปแล้ว เขาจะได้อยู่กับพระเยซูบนสวรรค์ แน่นอน อาชญากรคนนี้ได้รับสิทธิ์อันนี้เพราะว่าเขามีความเชื่อในพระเยซูและรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ใด (ลก.23:42)

• และท่านลองคิดดูสิว่าแม้ท่านยังไม่เคยฆ่าคนตาย หรือต้องโทษถูกประหารชีวิตที่กางเขน ท่านจงมั่นใจว่าท่านจะรับการอภัย และเข้าสู่สวรรค์อย่างแน่นอน หากท่านประกาศยอมรับ ว่าท่านเป็นคนผิดบาปจริง ๆ ด้วยความจริงใจ สังเกตุดี ๆ นะครับว่า พระเยซูกล่าวว่าเขาจะรอดเพราะความเชื่อของเขา


คำพูดที่ 4. "พระบิดาเจ้าข้า ข้าพระองค์ฝากวิญญาณจิตของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์" ลก.23:46
• พระคริสต์ทรงแสดงถึงความตั้งใจ และเต็มใจของพระเยซูที่มอบจิตวิญญาณของพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระบิดา เป็นการบอกว่าพระองค์กำลังจะตายและพระเจ้าทรงยอมรับเครื่องถวายบูชาของพระองค์แล้ว "พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ผู้ได้ถวายพระองค์เองแด่พระเจ้าโดยพระวิญญาณนิรันดร์ ให้เป็นเครื่องบูชาอันปราศจากตำหนิ" (ฮบ.9:14)

• เป็นคำอธิษฐานที่เป็นแบบอย่างแก่เราว่า เมื่อเรามอบถวายจิตวิญญาณให้พระเจ้า พระองค์ก็ทรงรับไว้และพระองค์ทรงมิได้ดูถูกจิตวิญญาณที่เจ็บปวด ทรมาน ซึ่งเป็นดังเครื่องบูชาแด่พระเจ้าดังนั้น เมื่อท่านระบาย หรือร้องทูลมอบความเจ็บปวดต่อพระเจ้า พระองค์ทรงรับไว้ และทรงไม่ดูถูกเลยแน่นอน

คำพูดที่ 5. "หญิงเอ๋ย จงดูบุตรของท่านเถิด" และ "จงดูมารดาของท่านเถิด"ยน.19:26,27
• สังเกตให้ดีนะครับว่า คำที่พระเยซูตรัสในขณะที่ทรงมองเห็นพระมารดาของพระองค์ยืนอยู่ที่ใกล้ ๆ กับกางเขนพร้อมกับยอห์นสาวกที่พระองค์ทรงรัก และตั้งแต่นั้นยอห์นก็รับเอานางมารีย์มาอยู่ในบ้านของเขา นี่เป็นการแสดงความรักในฐานะที่เป็นลูกคนหนึ่ง ที่ต้องการให้ความมั่นใจว่าแม่ของพระองค์บนโลกนี้ได้รับการดูแลหลังจากที่ลูกตาย ลูกก็ยังห่วงแม่ พระองค์ไม่ใช่พระเจ้าที่ไม่สนใจคนในโลกนี้เลย

• พระองค์ทรงสนใจชีวิตการกินอยู่ครอบครัวการดำเนินชีวิตในโลกนี้ของท่าน เพื่อให้มีชัยชนะ และมีเสรีภาพเป็นห่วงคนที่ท่านรัก เป็นห่วงสภาพจิตใจของท่านไม่ใช่เป็นห่วงเฉพาะ เรื่องฝ่ายวิญญาณอย่างเดียว เพราะคำพูดนี้เป็นคำพูดที่บ่งบอกชัดแล้วว่าพระคริสต์ สนใจด้านจิตใจคนที่รักด้วยเช่นกัน


คำพูดที่ 6. "เรากระหายน้ำ"ยน.19:28
• พระ เยซูทรงให้คำเผยวจนะใน สดด.69:21 ที่กล่าวว่า "เขาให้ดีหมีแก่ข้าพระองค์เป็นอาหาร ให้น้ำส้มสายชูแก่ข้าพระองค์ดื่มแก้กระหาย" สำเร็จในตอนนี้ เนื่องจากพระองค์ทรงบอกว่าพระองค์ทรงกระหาย ทำให้ทหารโรมันนำน้ำส้มสายชูมาให้พระองค์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมในการตรึงกางเขน ดังนั้นคำเผยวจนะจึงได้สำเร็จและเป็นจริง

• หิว กระหาย คำเผยวจนะที่เป็นจริง สรุปง่าย ๆ คือ คำเผยและพระสัญญาเป็นจริง สิ่งที่ พระองค์แสดงให้เราเห็นคือความเป็นมนุษย์ของพระองค์ ว่าทรงหิวกระหาย เหมือนเรา ๆท่าน ๆ ดังนั้น พระองค์ก็จะไม่ทอดทิ้งเราให้ขาดสิ่งจำเป็น อาหาร เพียงแต่แสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าก่อน และพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้ครับ (มธ6;33)

คำพูดที่ 7. "สำเร็จแล้ว"ยน.19:30
• ประโยคแห่งประวัติศาสตร์โลก เป็นคำพูดสุดท้ายของพระเยซู ซึ่งแสดงว่าการทนทุกข์ของพระองค์จบลงแล้ว และงานทั้งสิ้นที่พระบิดาทรงมอบให้พระองค์ทรงกระทำเสร็จสิ้นลงแล้ว คือ การเทศนาสั่งสอนเรื่องข่าวประเสริฐ การทำหมายสำคัญและการนำความรอดมาให้แก่คนที่เชื่อวางใจในพระองค์ หนี้บาปทั้งสิ้นได้รับการจ่ายราคาแล้ว

• ตั้งแต่นี้ไปทุกสิ่งที่ทรงทำจะมีผลต่อเราทุกคนที่เชื่อ พระสัญญาทั้งสิ้น คำเผยวจนะ หรือ สิ่งที่ทรงตรัสจะเป็นจริง สิ่งที่สอนจะเกิดผลจะเกิดขึ้น เพราะที่กางเขนทุกสิ่งได้สำเร็จแล้ว เพียงท่านรับเอาด้วยความเชื่อ เพราะมันสำเร็จจริง ๆ เมื่อสองพันปีที่ผ่านมา หากเรามีความเชื่อเช่นนี้ เราก็รับด้วยการปฎิบัติทำตามที่เชื่อเท่านั้นเองครับ

การแก้ไขอาการถูกอินเตอร์เน็ตครอบงำสำหรับคริสตชน (ต่อ)

10. คุณเริ่มรู้สึกอยากจะซื้อสินค้าเกี่ยวกับเซ็กส์ ในอินเตอร์เน็ต หรือดาวน์โหลด ภาพต่าง ๆ แอบเก็บไว้เพื่อดูยามเหงา ให้อธิษฐานตัดความสัมพันธ์และสารภาพบาป ให้คิดใหม่ แก้ใหม่ในทางกลับกัน คือ คบเพื่อนคริสเตียนดี ๆ สักคน หรือเอาเงินไปซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ หรือสิ่งที่ขาดและจำเป็นดีกว่า

11. เลิกคบเพื่อนทางอินเตอร์เน็ตที่มองไม่เห็น ให้เข้าใหม่ใหม่ว่าเพื่อนที่มองเห็นอยู่รอบข้างเรายัง ไม่สามารถสนิทสนมและเดานิสัย ปรับบต้วเข้ากันได้ แต่เพื่อนรักออนไลน์เป็นเพียงภาพลวงตา เพราะนิสัย ค่านิยม ยิ่งความเชื่อด้วยแล้ว เข้ากันไม่ได้เลย นี่เป็นแผนการของวิญญาณบาลัคที่จะกำจัดอิสราเอล โดยนำเอาสาว ๆ ต่างชาติมาให้อิสราเอล ชื่นชม และห่างจากทางพระเจ้า

12. หากคุณติดการพนัน หรือพวกข้อมูล ก็อธิษฐานสารภาพ เพราะเป็นหนทางนำไปสู่ความโลภ บางคนไม่มีเงิน แต่ก็ยังสะสม หรือขอยืมเงนคนอื่น บางคนสะสมข้อมูลไม่หยุดยั้ง จำไว้ว่าไม่มีข้อมูลไหนสมบูรณ์ เราทราบข้อมูลเพื่อวิเคราะ แต่ไม่ได้ทำวิจัย เรารู้ข้อมูลบ้างเพื่อจะดำเนินชีวิตอย่างไร แต่ไม่ใช่ หมกมุ่นเสพติดข้อมูล

13. หากท่านหรือลูก ๆ ติดเกมส์ ควรมีวินัยสร้างตารางขึ้นมา มีระยะเวลาสักหนึ่งชั่วโมง และมีเวลาพัก สลับกิจกรรมอื่น ๆ เช่นการพักผ่อน ดูหนัง หรือซื้อหนังสือมาอ่าน พ่อแม่พาลูกไปเดินร้านหนังสือบ้าง แนะนำหนังสือน่าอ่าน

14. เมื่อลูกมาคุย หรือขอคำปรึกษา อย่าปฎิเสธ บอกปัดเพราะความยุ่งกับงาน จะทำให้ลูก ไปหาเพื่อนที่ตอบสนองความเหงาของเขา คือ อินเตอร์เน็ต และสร้างค่านิยมใหม่ในบ้าน คือการเปิดประตูห้องลูกขณะเล่นคอมพิวเตอร์ ที่พ่อแม่พร้อมจะเข้าไปหาเมื่อไหร่ก็ได้ และเป็นไปได้ให้เอาเครื่องคอมพิวเตอร์มาตั้งกลางห้องรวม เพื่อให้อยู่ในสายตาครับ

15. อธิษฐานเผื่อลูกเสมอ ๆ ให้หลุดจากอำนาจของอินเตอร์ หรือสัมผัส กอด แสดงความรักต่อลูก ๆ ทุกวัน ครับ

วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

Worship - I could sing of your love forever


I Could Sing Of Your Love Forever

Over the mountains and the sea,
Your river runs with love for me,
and I will open up my heart
and let the Healer set me free.
I'm happy to be in the truth,
and I will daily lift my hands:
for I will always sing of when
Your love came down. [Yeah!]

I could sing of Your love forever,
I could sing of Your love forever,
I could sing of Your love forever,
I could sing of Your love forever. [Repeat]

Oh, I feel like dancing -
it's foolishness I know;
but, when the world has seen the light,
they will dance with joy,
like we're dancing now.

Worship - We fall down



We Fall Down
Artist(Band): Chris Tomlin

We fall down
We lay our crowns
At the feet of Jesus
The greatness of
Your Mercy and love
At the feet of Jesus
And we cry holy, holy, holy
And we cry holy, holy, holy
And we cry holy, holy, holy
Is the lamb
We fall down
We lay our crowns
At the feet of Jesus
The greatness of
Mercy and love
At the feet of Jesus
And we cry holy, holy, holy
And we cry holy, holy, holy
And we cry holy, holy, holy
Is the lamb
And we cry holy, holy, holy
And we cry holy, holy, holy
And we cry holy, holy, holy
Is the lamb

วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

การแก้ไขอาการถูกอินเตอร์เน็ตครอบงำสำหรับคริสตชน

การแก้ไขอาการถูกอินเตอร์เน็ตครอบงำสำหรับคริสตชน

เราต้องเข้าใจก่อนว่า ปัญหาโรคติดอินเตอร์เน็ตเกิดขึ้นจากการไม่มีวินัย โดยที่เราไม่รู้ตัว ผมขอเสนอทางแก้ไข

1. ให้วางแผนการใช้คอมพิวเตอร์ในการเช็คอีเมลล์ หรือข้อมูลข้อมูลข่าวสารแน่นอน ทำตารางมาเลย ว่าตื่นเช้า เฝ้าเดี่ยว และทานข้าว จากนั้นเช็คเมล์ เริ่มทำงานและว่างจากงาน มีความจำเป็นต้องใช้งานเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตก็ใช้ (ยกเว้นคนที่ต้องทำงานเกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ตตลอดเวลา ท่านก็ควรบริหารเวลาในการใช้คอมพิวเตอร์ เช่น หลังเสร็จจากงาน ด้านคอมพ์ ควรยืดเส้นยืดสาย มองออกไปไกล ๆ นอกหน้าต่าง พักสายตา เพราะท่านั่งของท่านมีผลต่อสายตาและร่างกายที่จะปวดเมื่อยได้ พักผ่อนโดยทางไปชงกาแฟดื่ม สรุปก็คือ บางคน ควรมีเวลาประจำว่าเมื่อไหร่ แต่ไม่ใช่แทบตลอดเวลา ใจจดจ่อแต่เรื่องเช็คเมล์ หรือ เฟสบุ๊ค หรือไฮไฟว์ จะทำให้งานด้านอื่น ๆไม่ด้อยประสิทธิภาพลงครับ อีกทั้งยังทำงานได้มากกว่าคนอื่นเสียอีก

2. เมื่อท่านกลับมาถึงบ้าน เวลาสำหรับครอบครัวก็อยู่กับครอบครัว เราต้องเข้าใจว่างานในชีวิตไม่มีวันเสร็จ ไม่มีสิ้นสุด แต่ลูกกับภรรยาต้องการเวลาของท่านเก็หมือนกัน และสายตาของท่านก็ต้องการการพักผ่อนจากการอยู่หน้าจอคอมพ์ บางคนเป็นโรคปวดหัว หรือไมเกรนเพราะอยู่หน้าจอมากเกินไป

3. หากท่านมีอาการเสพติดภาพลามก หรือเสพติดข่าวสารมากจนลืม และละจากการอธิษฐานเฝ้าเดี่ยวไปได้ ท่านมีอาการหนักแล้วครับ เพราะว่านั่นเป็นการผูกมัดและครอบงำ จำเป็นต้องสารภาพบาป และกลับใจใหม่ หันมาสนิทสนมกับพระเจ้าอีกครั้ง โดยการสร้างวินัยใหม่ขึ้นมาและปล้ำสู้จนเอาชนะให้ได้

4. หากท่านสร้างวินัยใหม่แล้วสารภาพบาปและกลับใจใหม่ ทำตารางดำเนินชีวิตใหม่แล้ว ท่านยังวนเวียนกับพฤติกรรมเดิม ๆ สำหรับผมเชื่อว่าท่านจำเป็นต้องรับการอธิษฐานปลดปล่อยครับ เพราะมันครอบงำท่าน จนท่านไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว

5. หากท่านมีอาการเศร้า เหงา หรือผิดหวัง และมักจะไปหาทางออกโดยดูภาพลามก หรือ หาเพื่อนคุยที่ไม่รู้จักกัน ทาง msn อีกทั้งต้องปกปิดฐานะที่แท้จริงของท่าน หรืออยู่ในโลกที่ไม่จริงเพื่อชดเชย ท่านควรรับการบำบัด เยียวยา จัดการ รากความเหงา การปฎิเสธตัวเอง และการยอมรับความจริงในชีวิตไม่ได้ และหากใช้วินัยก็แล้ว รับการปลดปล่อยก็แล้ว แต่ยังไม่หาย ท่านควรรับการปรึกษา หาราก และจัดการกับปัญหาที่ราก ว่าทำไมท่านจึงมีอาการแบบนี้ (คือผล) เพื่อรับการบำบัด เยียวยา
และเมื่อมีอาการเหงา ว้าเหว่ ควรจะเข้าหาคน จริง ๆ เช่น เพื่อน หรืองานอดิเรก แต่ท่านหาเพื่อนไม่ได้ ไม่มีงานอดิเรก อาจจะเพราะสาเหตุใดแต่ละคนไม่เหมือนกัน เมล์มาครับ ผมอาจแนะนำท่านได้ หรือ เข้าไปใน www.james7.org เรามีแผนกพันธกิจเยียวยา ผ่านทางคุยกันทา งmsn ให้แอดไปหาคนที่บอกว่าอยู่กลุ่ม RMC ครับ

6. สร้างวินัยใหม่ เพราะหากเราเป็นคนไม่มีวินัย ควบคุมตัวเองไม่ได้ เราก็ต้องใช้ตารางชีวิต ควบคุมเราเอง เหมือนคนที่มีแผนที่ว่าต้องเดินไปทางไหน ดีกว่าไม่มีอะไรเลย เพราะผมคิดว่าหนึ่งวันเราควรมีเวลาคร่าว ๆ คือกับพระเจ้า พระคำ วรรณกรรมคริสเตียน และเวลาการทำงาน เวลาครอบครัว เวลาตัวเอง คือ การพักผ่อน และบางวันก็รับใช้ เพราะเราต้องทำอะไรมากมาย เราก็วางแผนทยอยกันทำไปครับ

7. สำหรับพ่อแม่ที่มีลูก ๆ ติดอินเตอร์เน็ตและเกมส์ ท่านจำเป็นต้องใช้เวลาและความรักแก่ลูกมาก ๆ สัมผัส กอดเขา จนเขามั่นใจว่าความรักที่แท้จริง การคลายเหงา เพื่อน อีกคนหนึ่งในบ้าน คือ พ่อแม่ และสอนเรื่องการครอบงำ การเชื่อฟังบิดามารดา อีกทั้งมีตารางชีวิต ที่ยืดหยุ่นแก่เขาได้ และลูกของท่านจะมีความสุขกับท่าน

8. สร้างค่านิยมในบ้าน มานั่งด้วยกัน กินด้วยกัน ตอนเย็น ดูหนังด้วยกัน อย่าแยกกันชัดเจน ไปคนละมุมคนละห้อง ต่างพบกันครึ่งทาง เพราะหากพ่อแม่แบ่งชัดเจนในบ้าน ผู้ใหญ่ เด็ก ลูก ๆ ก็จะเหงาไปคบเพื่อน และหาทางชดเชยโดยทางเกมส์ อินเตอร์เน็ตครับ

9. สำหรับผมเชื่อว่าโลกนี้อยู่ภายใต้อนุภาพของมาร มันหาทางทำลายคริสตชน ทำลายครอบครัวพวกเรา โดยใช้อุปกรณ์ใกล้ตัว มือถือ คอมพิวเตอร์ เกมส์ หนังซี่รีย์ อะไรที่มากเกินก็บาป หรือน้อยเกินก็บาป เราต้องมีสติดำเนินชีวิตด้วยปัญญาตลอดครับ แม้ช้าแต่มั่นคงจะดีกว่าครับ พระเจ้าอวยพร

การแก้ไขเยาวชนเป็นโรคติดอินเตอร์เน็ต โดยเข้าค่ายบำบัดของจีนและเกาหลี

การแก้ไขเยาวชนเป็นโรคติดอินเตอร์เน็ต โดยเข้าค่ายบำบัดของจีนและเกาหลี

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่ามีการเสียชีวิตของเด็กวัยรุ่นจีนที่พ่อแม่ส่งเข้าบำบัดอาการติดอินเตอร์เน็ตที่ศูนย์บำบัดแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศจีน

โรคติดอินเทอร์เน็ตกลายเป็นปัญหาน่าหนักอกเสียจนครอบครัวชาวจีนหลายครอบครัวจำต้องยอมควักเงินเกือบ 2,000 บาทต่อวันเพื่อส่งลูกหลานมารับการบำบัด จะใช้เวลาประมาณ 10-15 วัน โดยผู้ป่วยต้องกินยา รับยาผ่านเส้นเลือด ฝังเข็ม รับการกระตุ้นประสาทด้วยไฟฟ้า และออกกำลังกายเพื่อค่อย ๆ ปรับสภาพสู่การดำรงชีวิตตามปกติ (ไทยรัฐ วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553)

เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีสัดส่วนการใช้อินเทอร์เน็ตของคนมากที่สุดในโลกกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของครัวเรือนทั้งหมดมีอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ราคาถูกใช้ ด้านหนึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของประเทศในการเข้าสู่โลกไซเบอร์อย่างรวดเร็ว แต่มันก็นำมาซึ่งสิ่งที่เป็นปัญหาที่อาจจะไม่ต่างกันนัก แล้วแต่ว่าใครจะตระหนักมากน้อยแค่ไหน

ปัญหาที่ว่าก็คือวัยรุ่นเสพติดเน็ต มีกรณีที่เล่นเกมข้ามวันข้ามคืนไปจนถึงตาย ไปจนถึงพวกที่ติดงอมแงมชนิดไม่ยอมไปโรงเรียนเพื่อจะได้ออนไลน์ได้ตลอด กลายเป็นปัญหาระดับชาติในระยะเวลาไม่กี่ปีมานี้เอง

สำหรับเกาหลี นั้นตามที่ประเมินว่าวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี ราว ๆ 2.4 แสนคนที่ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคติดเน็ต ก็เลยมีโรงเรียนบำบัดผู้ติดเน็ต หรือ Jump up Internet Rescue School ขึ้นมา ค่ายบำบัดที่เพิ่งจะจัดไปไม่นานมานี้เป็นครั้งแรกและเป็นการเข้าค่ายระยะเวลา 12 วัน มี 2 รุ่นด้วยกัน ในแต่ละรุ่นประกอบด้วย วัยรุ่นอายุ 16-18 ปีที่จัดว่าอาการเข้าขั้นรุนแรง ผู้เข้าค่ายต้องกินอยู่หลับนอนในค่ายตลอดโดยปราศจากคอมพิวเตอร์

อาการเตือนของการเริ่มติดอินเตอร์เน็ต

อาการเตือนของการเริ่มติดอินเตอร์เน็ต

พอจะสรุปได้ดังนี้ สำหรับคริสเตียน คือ

1. ท่านไม่สามารถตื่นขึ้นมาด้วยการอธิษฐานหรืออ่านพระคัมภีร์ได้ บางคนไม่แม้แต่จะทักกับคนในบ้าน หรือไม่อยากทานข้าว หรือเอาข้าวไปนั่งทานที่คอมพิวเตอร์ทันที และจะเปิดคอมพิวเตอร์ เพื่อเข้าไปในโลกอินเตอร์เน็ตทางใดทางหนึ่ง จนสูญเสียความสัมพันธ์กับพระเจ้า

2. มีความรู้สึกว่าอยากจะเข้าไปให้ลึกกว่านี้ รู้ให้มากกว่านี้ จนอดกลั้นใจไม่ไหว ทั้งที่รู้แล้วก็ไม่ได้อะไร หรือบางอย่างยิ่งรู้ยิ่งนำไปส่ความบาป และสูญเสียเวลาการทานอาหารหรือ การนอนที่ตรงต่อเวลาเป็นประจำ นานเกินไป และมากยิ่งขึ้น

3. มีการต่อสู้กับจิตใจอยู่เสมอ เพื่อจะออนครั้งต่อไป ทั้งที่เวลานี้เป็นเวลาสำหรับครอบครัว หรือเป็นเวลาสำหรับการทำสิ่งที่ควรทำ

4. ใช้อินเตอร์เน็ต ชดเชยอาการเหงา หดหู่ เศร้า เหล่านี้ แต่มันไม่ใช่การแก้ที่สาเหตุ

5. ประสิทธภาพการทำงาน การเรียน การใช้เวลากับคนในบ้านของท่านลดลง ช้าลง ด้อยลง เพราะท่านใช้เวลากับกิจกรรมบนอินเตอร์เน็ตมากเกินไป

6. ครอบครัว หรือคนรอบข้างเริ่มบ่นถึงเรื่องการใช้อินเตอร์เน็ตของท่าน

7. ระดับการใช้อินเตอร์เน็ตของท่าน ต้องแอบใช้เพื่อเล่นเสพสุข และระวังตัวไปเสียหมด
ซึ่งตอนต่อไปจะแนะนำแนวทางการแก้ไขในทางคริสเตียน ครับ

คุณเป็นโรคติดอินเตอร์เน็ตหรือไม่

คุณเป็นโรคติดอินเตอร์เน็ตหรือไม่?

ดร.วัฒนา วินิตวัฒนคุณ จากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัม อธิบาย “โรคติดอินเตอร์เน็ต” หรือ (IAD:Internet Addiction Disease) ว่าเป็นกลุ่มอาการ รวมถึงพฤติกรรมและความผิดปกติในการควบคุมแรงกระตุ้น โดยแยกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ คือ

1. Cybersexual Addiction คือ การติด Adult Chat Room เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเพศ on-line เช่นการดู Cyberporn หรือเข้าร่วมใน Cybersex พบว่า ในกลุ่มคนที่ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง Body Image ผิดปกติ หรือพวกที่หมกมุ่นทางเพศมาก จะเกิดอาการของการเสพติด Cybersex ได้ง่ายมาก และนอกจากนี้แล้ว Cybersex เป็นทางออกที่ปลอดภัย ค่าใช้จ่ายถูก และปราศจากโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์

2. Cyber-Relationship Addiction คือ การคบเพื่อนจาก Chat Room, Newsgroups นำมาทดแทนเพื่อน หรือครอบครัวในชีวิตจริง ตลอดจนถึงการพัฒนาไปสู่ภาวะชู้สาวที่เกิดขึ้นทางอินเตอร์เน็ต

3. Net Complusions คือภาวะการติดการพนัน การประมูล สินค้า การซื้อขายทางอินเตอร์เน็ต

4. Information Overload คือภาวะที่ทำการค้นหาข้อมูล และ Web Surfing ได้อย่างมากมาย และไม่สามารถ ยับยั้งได้

5. Computer Addiction การใช้คอมพิวเตอร์หรือการเล่นเกมส์ทางคอมพิวเตอร์ในลักษณะที่ไม่สามารถยับยั้งใจได้
บทความนี้ได้คัดย่อจากเว็บ http://www.watpon.com/news/net.htm