วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หมวดการอธิษฐานเยียวยาด้วยตัวเอง - ตอนที่ ุ8 การเลือกวินัยใหม่

การอธิษฐาน บำบัด เยียวยา ปลดปล่อย ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ

ตอน 8 การเลือกวินัยใหม่

สิ่งที่ต้องทำต่อมา คือ วินัยใหม่ เราต้องเลือกชีวิตใหม่ที่จะไม่เดินแบบนี้อีก ทุกครั้งที่สี่หมวดใหญ่ ๆ นี้ปะทุขึ้นมา คือ จิตสำนึกที่หลับ บาดแผลจากการถูกกระทำ หรือเราสร้างขึ้นมา การผูกมัด บางเรื่องที่เราอ่อนแอและถูกมันครอบครอง สุดท้ายคำแช่งสาปที่เราได้หว่านขึ้นมาอีกในชีวิตประจำวัน อย่าท้อที่จะทำการอธิษฐานเมื่อมีอาการที่ไม่น่าพึงพอใจผุดขึ้นมาบ่อย ๆ เพราะบาดแผลทั้งหมดที่เราสะสมทำมาทั้งชีวิตในความเชื่อทางนิตินัย ตามพระสัญญาของพระเจ้า หากเราได้สารภาพบาปกลับใจใหม่ พระเจ้าทรงรักษาและให้อภัย แก่เรา แต่ในทางพฤตินัย เราควรตั้งใจสร้างการประพฤติใหม่ที่ไม่ตามใจนิสัยเก่าที่เคยทำมานานหลายปีครับ ดังนั้นวินัยจึงสำคัญ

สุภาษิต 4:13 จงยึดวินัยไว้และอย่าปล่อยไป จงระแวดระวังเธอไว้ เพราะเธอเป็นชีวิตของเจ้า

เราต้องปล้ำสู้ เลือกที่จะเดินชีวิตใหม่ คิดแบบใหม่ พูดแบบใหม่ที่สมควรพูด เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบุคลิคภายนอกให้ดูดี เพราะหากเราพูดดี คิดดี สุขภาพจิตใจดี ก็คือชีวิตภายในดี มีพระวจนะพระเจ้าสั่งสอน ประกอบด้วยความรักของพระวิญญาณของพระเจ้า บุคลิกภายนอกก็จะเปลี่ยนไป

ท่านต้องเลือก จะมีชีวิตที่จบดี มีชีวิตเพื่อวันนี้ เราเลือกเกิดไม่ได้ เราอาจพบหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้เราพบกับบาดแผล แต่เราเลือกที่จะจบดี มีชีวิตที่ดีกว่าได้ เราต้องเลือกครับ และอดทนที่จะฝืนกับนิสัยที่ไม่ได้ทำใหม่ คิดใหม่ จนกลายเป็นธรรมชาติใหม่ของเรา และสำหรับคริสตชน เรามีสิ่งมีค่าที่อาศัยในสิ่งไม่มีค่าคือเรือนดินของเรา ในร่างกายนี้ คือองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่จะคอยให้สติปัญญา และช่วยเหลือเราขณะที่เราอ่อนกำลังด้วยครับ (รม 8:26-27)

หมวดการอธิษฐานเยียวยาด้วยตัวเอง - ตอนที่ ุ7 การอธิษฐานปลดปล่อยตัวเองจากการผูกมัด

การอธิษฐาน บำบัด เยียวยา ปลดปล่อย ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ
ตอน 7 การอธิษฐาน ปลดปล่อยตัวเองจากการผูกมัด

ระดับแรกการผูกมัดจากสิ่งรบกวนในสมองอารมณ์ คือ ระดับครอบงำ เช่น ท่านตื่นมาตอนเช้า มีความคิดของมาร หรือจิตสำนึกชั่วร้าย บอกว่าควรไปเที่ยวดีกว่าไปทำงาน หรือก่อนนอนใจหนึ่งบอกว่าควรอ่านพระคัมภีร์ อีกใจหนึ่งสิ่งครอบงำบอกว่าไปดูบอล มันต่อสู้กันจนท่านสับสนมาก

ระดับที่สอง คือ การครอบครอง ระดับนี้พ้นจากการคิดต่อสู้แล้ว เพราะท่านได้ลงมือทำ เช่น สามีบางคนยอมทะเลาะกับภรรยาเพื่อจะได้ดูฟุตบอลในคืนนั้น ระดับนี้คือลงมือทำไปแล้ว แม้ต้องลงทุน สูญเสียสิ่งที่ถูกต้องไป

ระดับที่สาม คือ ระดับควบคุมไม่ได้ เหมือนคนติดยา จะลงแดงตายถ้าไม่ได้ทำ มันมรมานมาก ระดับสามนี้ควรไปหาผู้ทำพันธกิจการปลดปล่อยเยียวยาครับ แต่ถ้าไม่มีให้ทำเองบ่อย ๆ วิธีจัดการคือ

1) อธิษฐานสารภาพบาปที่ได้ทะเลาะกับภรรยา และเลือกทำสิ่งที่ผิด

2) อธิษฐาน สั่งขับไล่ ………… ที่ท่านทำอยู่และตัดความสัมพันธ์กับสิ่งนั้นเรื่องนั้น นำไปที่กางเขนพระคริสต์

3) ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเยซูคริสต์ให้กำลังใหม่

4) หากรู้ว่าสู้ไม่ไหว โทรหาผู้นำฝ่ายวิญญาณของท่าน หรือเพื่อนคริสเตียนที่เข้มแข็งอธิษฐานร่วมกัน

(นมัสการส่วนตัว เพราะเป็นอาวุธที่ดีเยี่ยม ความหมายของการนมัสการของคริสเตียนคือ ร้องเพลงสวด ในความเข้าใจของผู้ไม่เป็นคริสเตียนครับ หากท่านมีซีดีเพลงนมัสการ เปิดและร้องตามได้ สำหรับคริสเตียน หากท่านอธิษฐานไม่เป็น สมาธิสั้น หรือไม่รู้จะอธิษฐานอย่างไร ไม่มีคำพูด หรือพูดได้สิบนาทีก็หมดแล้ว ไม่รู้ว่าจะฟังเสียงพระเจ้าอย่างไร ตอนไหน ขอให้ท่าน เมลล์มา ที่ riverministry@gmail.com จะมีการนำอธิษฐานจริง ๆ และท่านอธิษฐานตาม ความยาว 45 นาที ฝึกทำตามจนเก่งทำเป็นครับ ค่าจัดส่ง 100บาท)

หมวดการอธิษฐานเยียวยาด้วยตัวเอง - ตอนที่ ุ6 การอธิษฐานเยียวยาด้วยตัวเอง

การอธิษฐาน บำบัด เยียวยา ปลดปล่อย ด้วยตัวเอง
ตอน 6 การอธิษฐาน เยียวยาด้วยตัวเองจากการบาดเจ็บ

การบาดเจ็บจากคำพูด จากการกระทำ ด้านใดด้านหนึ่ง ที่มีผล คือ เมื่อได้ยินใครพูดคำพูดนี้ หรือเมื่อคิดถึง มีสิ่งเร้าให้หวนคิดถึง ท่านจะเกิดการเจ็บปวด ทรมาน ต่อสู้อย่างหนัก ไม่เหมือนคนอื่นที่เขาไม่รู้สึกสะทกสะท้านใด ๆ หรือการกระทำที่ทำให้ท่านอาย วิธีการรักษาง่าย ๆ ครับ

ก) ระบายความอาย ความเจ็บปวดที่เรามีอยู่ มันอาจฝังในใจมานาน หรือขณะที่รบกวนเราเวลานี้ ที่รบกวนเราตลอดเวลาต่อพระเจ้า เพราะความอาย ความเจ็บปวดเป็นอารมณ์เหมือนน้ำหนองที่เราต้องบีบออกมา ไม่ให้มันอยู่นานจนเน่า แต่เราระบายกับพระเจ้า พระองค์ทรงเข้าใจ ถึงความอายและความเจ็บปวดของเรา ให้ท่านระบายเป็นคำพูดเหมือนลูกระบายกับพ่อ ไม่ต้องใช้ราชาศัพย์ หรือคำพูดยาก ๆ ใช้คำพูดง่าย ๆ

ข) สารภาพบาปในความโกรธ เกลียดที่เรามีต่อคนทำผิดกับเรา หรือสิ่งที่เราได้ทำไป ที่ไม่ควรทำและสิ่งที่ฟ้องในใจ เพราะเมื่อเรารับการทำร้ายด้วยการกระทำหรือคำพูดจากผู้กระทำกับเรา เราจะตอบโต้ด้วย วาจาหรือท่าทาง ซึ่งอาจไม่สมควร (เพราะคำพูดหรือท่าทางเหล่านั้นที่เขาทำกับท่าน ท่านจึงเกิดอาการออกมา นั่นแหละคือบาดแผลที่ท่านมีอยู่ เพราะสิ่งที่เขาทำเช่นนี้กับคนอื่นมันอาจไม่มีผลใด ๆ ก็ได้)

ค) อธิษฐานปฎิเสธการกระทำ หรือคำพูดนั้น ๆ ของผู้ที่ทำผิดต่อเรา และนำไปตรึงที่กางเขนของพระคริสต์ อย่าเก็บไว้ในใจของเรา

ง) อธิษฐานยกโทษให้อภัยผู้ที่ทำให้เรา

จ) ขอพระเจ้ารื้อฟื้นพระพร พระสัญญาของพระองค์อีกครั้ง เพราะควาขมขื่น ความเคียดแค้นของเรา ขัดขวางพระพรมรดกฝ่ายวิญญาณของเรา

ฉ) ทำบ่อย ๆ เลือกวิถีใหม่ อาการเดิมกลับมาก็ทำอีก และเลือกชีวิตใหม่ในพระพรดีกว่า

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หมวดการอธิษฐานเยียวยาด้วยตัวเอง - ตอนที่ 5 ปลดปล่อยด้วยตัวเอง

การอธิษฐานบำบัดเยียวยาปลดปล่อยด้วยตัวเอง

ตอนการอธิษฐานวิธีปลุกจิตจิตวิญญาณหรือจิตสำนึกที่หลับ

ก) การแก้ก็คือ อธิษฐานปลุก พูดปลุกให้กับตัวเอง เลือกที่จะมีชีวิตที่ดี คำพูดดี ๆ ให้กำลังใจตัวเอง สำหรับบางคนอาจจะยาก ให้หาเพื่อนหรือผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณคอยให้กำลังใจ เราจะดูชีวิตดาวิดปลุกจิตวิญญาณของท่านเอง “จิตวิญญาณของข้าเอ๋ย จง ……..ลองดูใน สดุดี 103 ดูครับ” เยเรมีย์ก็ปลุกความทรงจำขณะที่กำลังท้อแท้หมดหวังจากบทเพลงคร่ำครวญว่า “ข้าพเจ้าหวนคิดถึงมาได้ว่า ความรักของพระเจ้าไม่เคยยั้งหยุด”

ข) ฝึกสัมผัสจากเพศเดียวกันด้วยการกอด สัมผัส จับมืออย่างเหมาะสม และให้กำลังใจ ระหว่างกันในครอบครัว ในกลุ่มของเราทุกครั้งที่มีการประชุมทุกสัปดาห์ เราจะสัมผัสอย่างเหมาะสมและสุภาพจากเพศเดียวกันด้วยความรัก เพราะเรารู้ว่านี่เป็นการแสดงความรักที่พวกเราขาดจากวัยเด็กในวัฒนธรรมเอเชีย เราจะสร้างบรรยากาศคำพูดที่เลี่ยงการตำหนิและการวิพากวิจารณ์ เพื่อผู้รับการเยียวยาจะได้พักจิตใจและได้รับกำลังใจจริง ๆ ท่านเองก็ทำได้ครับ

ค) ทำทุกวัน เราหลับจุดไหนข้อไหนก็ปลุกจุดนั้นอย่าเบื่อหน่ายและตัดสินใจเลือกวิถีชีวิตใหม่ ครับ กลุ่ม สำคัญมากเพราะพลังของกลุ่มที่เชื่อและเข้าใจการเยียวยาด้วยคำอธิษฐานและบรรยากาศจะช่วยได้ดีทีเดียว

จากทั้งหมด 9 ข้อที่ผมกล่าวถึงนี้ บางครั้งเราพยายามให้ผู้ติดตามหรือผู้ที่เราดูแลมีประสบการณ์ในสิ่งที่เรามี แต่ถ้าหากว่าจิตวิญญาณ (หรือบางข้อความอาจใช้คำว่าจิตสำนึก) เขาหลับ เราอย่ารีบสรุปว่าเขาไม่รักพระเจ้าหรือไม่รักสิ่งดี ๆ เพราะเขาเองก็ทำได้เต็มที่แค่นี้ พันธกิจของเราคือต้องปลุกให้กำลังใจเพราะร่างกายเขาโต แต่จิตสำนึกบางด้านเขายังไม่โต หรือหากใช้ศัพท์คริสเตียนคือร่างกายเขาโตเพราะรับเชื่อมานาน แต่จิตวิญญาณของเขายังเป็นเด็กครับหรือยังหลับไหลอยู่เลย มันไม่ใช่เพราะเขาทำบาปหรือมีวิญญาณชั่ว หรือไม่อยากร้อนรน แต่เป็นการเลี้ยงดูในวัยเด็ก แต่ว่าฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าก็ยิ่งใหญ่ที่จะปลุกเรียกลาซาลัสให้ฟื้นจากความตายได้ พระองค์ก็จะทรงเรียกจิตวิญญาณของเขาได้เช่นกัน ขอให้อดทน

หมวดการอธิษฐานเยียวยาด้วยตัวเอง - ตอนที่ 4 จิตวิญญาญหลับไหลที่

การอธิษฐานเยียวยาด้วยตัวเอง ตอนจิตวิญญาณหรือจิตสำนึก 9 ด้าน ที่หลับไหล

ในความเชื่อและประสบการณ์ในการทำพันธกิจเยียวยาปลดปล่อยของ John Sandford ได้สรุปปัญหาของคนที่เป็น Slumbering Spirit (วิญญาณที่หลับไหล) ของคริสเตียน 9 ด้านที่เกิดขึ้นจากการเลี้ยงดูในวัยเด็กที่ขาดการกระตุ้นหรือการสัมผัสในการเลี้ยงดู บางข้อก็ยากจะพูดให้ผู้ที่ไม่ใช่คริสเตียนให้เข้าใจ เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นคริสเตียนจะเข้าใจศัพท์เหล่านี้ ผมจึงขออธิบายบางข้อเป็นกลาง ๆ สำหรับผู้ที่ไม่ใช่คริสเตียน โดยใช้คำอีกคำหนึ่งว่า จิตสำนึกที่หลับนะครับ

จิตสำนึกที่หลับ 9 ด้าน คือ
1. บางคนหลับในเรื่องการสัมผัสการสถิตของพระเจ้า บางคนสัมผัสทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ ซาบซึ้งเมื่อกล่าวถึงเรื่องศาสนา เขาจะขนลุกเลยเมื่อได้ฟังเพลงเกี่ยวกับพระเกี่ยวกับเจ้า

2. ด้านการอ่านพระคัมภีร์ไบเบิ้ล มีความรู้สึกเบื่อหน่าย ทำเป็นหน้าที่ ไม่สดชื่น บางคนง่วงนอนทุกทีเมื่ออ่านพระวจนะพระเจ้า

3. ด้านการสำแดงทางใดทางหนึ่ง เพราะชีวิตกับจิตวิญญาณเป็นเรื่องของการสำแดงครับ พระเจ้าทรงเปิดเผยคุยกับเราตลอดเวลา

4. เรื่องการเชื่อมโยงในอดีต ปัจจุบัน อนาคต เคยได้ยินคนตำหนิไหมว่า “จำไม่ได้เลยเหรอว่าเมื่อก่อน….”

5. ด้านการสื่อสาร หลายคนสื่อสารไม่รู้เรื่องผิดพลาดหรือสับสนตลอด

6. เรื่องเพศในชีวิตสมรส ให้เรื่องเพศเป็นหน้าที่เท่านั้นแต่กลับไม่รื่นรมย์กับความรักและเพศในชีวิตครอบครัว

7. เรื่องแรงบันดาลใจ เคยเห็นไหมครับว่าบางคนดูภาพยนต์ อ่านวรรณกรรม หรือดูภาพศิลป์ เขากลับบอกว่าไม่เห็นได้อะไรเลยจากการดูนั้น ๆ

8. บางคนก็เป็นเรื่องสุขภาพ เพราะบางคนเจ็บปวดต่อเนื่องและหายช้า หายยาก หายแล้วก็เจ็บป่วยต่อ หรืออาจใช้ชื่อว่าโรคสั่งได้ เพราะมาจากปัญหาจิตใจครับ

9. เรื่องของจริยธรรมที่บางคนอ่อนแอมาก

ที่ควรเข้าใจอาการทั้ง 9 อย่างอาจเกิดขึ้นกับคนที่รักพระเจ้าและร้อนรน (ร้อนใจ) ในการรับใช้พระองค์ แต่อ่อนแอเรื่องเหล่านี้ก็มีครับ จึงเป็นเรื่องปกติที่เราต้องรับการเยียวยา ปลุกจิตวิญญาณที่หลับไหล และมีวินัยที่จะเลือกชีวิตใหม่ในการดำเนินชีวิต บทต่อไปจะกล่าววิธีการปลุกจิตวิญญาณหรือจิตสำนึกครับ

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หมวดการอธิษฐานเยียวยาด้วยตัวเอง - ตอนที่ 3 ความเชื่อสี่แบบ

การอธิษฐานเยียวยาด้วยตัวเอง
ตอนความเชื่อสี่แบบในเรื่องจิตวิญญาณ

เพราะในความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณได้แบ่งกันเป็นสี่แบบ อยากจะกล่าวสั้น ๆ ดังนี้ แบบที่หนึ่ง เชื่อว่าจิตวิญญาณมนุษย์สัมพันธ์กับชาติปางก่อน ผีสาง ธรรมชาติ และการเชื่อมโยงในแต่ละชาติ แบบที่สอง แนววิทยาศาสตร์ คือ ไม่เชื่อว่ามีจิตวิญญาณ แบบที่สาม เชื่อว่าจิตวิญญาณคือจิตใจ หากจะให้จิตวิญญาณสะอาด ต้องดูแลจิตใจให้ดี เพราะจิตใจเป็นตัวเร้าในอบายมุขต่าง ๆ และความเชื่อแบบสุดท้าย เชื่อว่าจิตวิญญาณของมนุษย์มาจากการระบายลมปราณจากพระเจ้า

เมื่อจิตวิญญาณของมนุษย์มาจากพระเจ้าพวกเราจึงแสวงหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าทรงมอบให้มนุษย์ ครอบครองทุกสิ่ง เพราะมนุษย์เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง พระองค์จึงรักโลกนี้ที่เป็นคนที่มีชีวิตทุกคน และให้มนุษย์มีสิทธิอำนาจของพระองค์ในการดูแลโลก อยู่เหนือโลก ไม่ใช่อยู่ภายใต้อำนาจวัตถุที่สร้างขึ้นมา หรืออยู่ภายใต้ผีสางเทวดา พระองค์จึงส่งพระเยซูคริสต์มาช่วยไถ่ความบาปและนำมนุษย์คืนดีกับพระเจ้า เพื่อจะได้ กลับมาสู่สิทธิอำนาจนั้นอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งมีอำนาจเหนือผีสางเทวดา เหล่าวิญญาณชั่ว และโรคภัยไข้เจ็บ นั่นคือ

สิทธิทุกอย่างเป็นของมนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้างและระบายลมปราณ (จิตวิญญาณได้กลับสู่สภาพเดิมที่พระเจ้าต้องการจากผลการไถ่ของพระเยซูคริสต์) แนวความเชื่อนี้คริสเตียนและยิวจะยึดมั่น คือ เป็นมนุษย์ที่มีจิตวิญญาณ (สื่อสารสัมพันธ์กับพระเจ้าได้ ตายไปก็ไปอยู่กับพระเจ้า) ท่านรู้จักพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของจิตวิญญาณของท่านหรือยังครับ ส่วนร่างกายเป็นที่อยู่ของจิตวิญญานและจิตใจ และในส่วนของจิตใจมีหน้าที่สื่อความหมายของความคิดและอารมณ์ความรู้สึกครับ แต่หากจิตวิญญาณของเราหลับลงไปละ เราจะทำอย่างไร? เหมือนกับคนมีชีวิตแต่นอนหลับไม่สามารถรับอะไรได้ แน่นิ่งทั้งที่เขายังไม่ตาย จิตวิญญาณที่หลับก็เป็นเช่นนี้ คือ เขารู้จักพระเจ้ามีชีวิตนิรันดิ์ แต่ไม่สามารถทำงาน กระตือรือร้นในบางเรื่องได้ เราจะพูดในตอนต่อไปว่าจะปลุกให้ตื่นได้อย่างไร?

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หมวดการอธิษฐานเยียวยาด้วยตัวเอง - ตอนที่ 2 การอธิษฐานตัด

การอธิษฐานเยียวยาด้วยตัวเอง
ตอน การอธิษฐานตัดคำแช่งสาปจากการหว่าน

หากท่านได้หว่านคำพูด คำตัดสิน คำพิพากษา หรือคำดูหมิ่นบิดามารดา หัวหน้างาน หรือผู้หนึ่งผู้ใด

ก) ให้ท่านสารภาพบาปขอการยกโทษจากพระเจ้าที่ได้หว่านสิ่งเหล่านั้นออกไป

ข) ขอให้ท่านประกาศยกเลิกคำพูดการกระทำเหล่านั้นที่ได้หว่านไป

ค) อธิษฐานอวยพรผู้ที่ท่านได้หว่านการกระทำที่ลบออกไป

ง) ขอพระเจ้ารื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพระองค์อีกครั้ง และรื้อฟื้นมรดกฝ่ายวิญญาณของเรา จุดนี้หลายท่านจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องขอการรื้อฟื้นมรดกฝ่ายวิญญาณ เพราะความบาปของเราเป็นอุปสรรคในการอวยพรจากพระเจ้า

จ) ถ้าเป็นไปได้ท่านควรโทรศัพท์ไปขอโทษ หากกรณีที่ท่านทำผิดต่อพี่น้องแบบชัด ๆ และสองฝ่ายอยู่ในสภาพที่ปีนเกลียวกัน เพื่อจะได้พี่น้องของท่านคืนมา แต่ในกรณีที่อีกฝ่ายก็ไม่รู้ชัดเจนว่าท่านทำผิดต่อเขา แต่ท่านเองรู้สึกฟ้องในใจก็ต้องใช้สติปัญญาให้มากในการจะโทรไปขอโทษ เพราะอีกฝ่ายหากไม่คิดอะไรแต่ท่านกลับคิด ถ้าหากทำสิ่งที่แนะนำไปจะทำให้ยิ่งมีปัญหาใหม่ตามมาก็ได้ ทางที่ดีหาทางรอจังหวะทำดีแก่ผู้ที่ท่านทำผิดต่อเขาดีกว่าอย่างเป็นธรรมชาติและใช้สติปัญญาให้มากที่สุด

(มัทธิว 5:23-25 “เหตุฉะนั้นถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว และระลึกขึ้นได้ว่าพี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา กลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน จงปรองดองกับคู่ความโดยเร็วในขณะที่พากันไปศาล เกลือกว่าคู่ความนั้นจะอายัดท่านไว้กับผู้พิพากษา แล้วผู้พิพากษาจะมอบท่านไว้กับผู้คุม และท่านจะต้องถูกขังไว้ในเรือนจำ”)

คำถามจะเกิดขึ้นเมื่อท่านถามว่า แล้วถ้าหากเขาทำผิดต่อท่านละ ทำไมพระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงยอมให้เขาอยู่ดีมีสุขแต่ท่านต้องมารับการกระทำที่แย่ ๆ ของเขาคนนี้ ซึ่งอาจจะเป็นพ่อแม่ คนสนิท พี่น้องของเรา คำตอบก็คือเขาจะปฎิบัติต่อเราอย่างไรเป็นเรื่องของเขา แต่เรื่องของเราคือเราจะตอบแทนเขาด้วยความดี เพราะว่าพระเจ้าสอนว่าบำเหน็จจะเป็นของเรา และหากเราทำผิดพลาดพระเจ้าก็จะทรงยกโทษบาปผิดให้เราด้วยใจกว้างขวาง มัทธิว 6:12 “และขอทรงโปรด ยกบาปผิดของข้าพระองค์ เหมือนข้าพระองค์ยกโทษผู้ที่ทำผิดต่อข้าพระองค์นั้น

เชื่อไหมว่าพระเจ้าทรงเป็นความรักและทรงเมตตากรุณา ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาพระคุณยิ่งใหญ่ แต่ถ้าหากว่าผู้ใดไม่กลับใจจากการทำผิดหรือทำสิ่งไม่ถูกต้องต่อผู้อื่น พระองค์ก็จะไม่ทรงฟังคำอธิษฐานและสนใจเสียงของคนทำผิดเช่นกัน หากไม่กลับใจใหม่ สุภาษิต 28:9 “ถ้าผู้ใดไม่ฟังพระบัญญัติ แม้คำอธิษฐานของเขาก็เป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชัง”

หมวดการอธิษฐานเยียวยาด้วยตัวเอง - ตอนที่ 1 คำแช่งสาป

การอธิษฐานเยียวยาด้วยตัวเอง
ตอน คำแช่งสาปและกรรมพันธุ์มีจริงหรือ

เราได้พูดถึงบาดแผลอาการบาดเจ็บทางจิตใจที่ต้องรับการเยียวยาและการปลดปล่อยจากการผูกมัด การเสพย์ติด การทรมานจากบางเรื่องในชีวิต และการปลุกจิตสำนึกที่หลับไปแล้ว ตอนนี้เราจะพูดถึงคำแช่งสาบและเรื่องกรรมพันธุ์

กรรมพันธุ์มาจากไหน พวกเราคงเคยได้ยินใช่ไหมครับเวลาท่านซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตผู้ขายมักจะมีหน้าหนึ่งที่ถามเราว่าเรามีพ่อแม่เป็นโรคเบาหวาน โรคมะเร็ง ฯลฯ หรือเปล่า เพื่อที่จะได้รู้ว่าโรคเหล่านี้มีผลต่อเราหรือไม่ สิ่งนี้จะมีผลต่อการซื้อขายประกันเหล่านั้นด้วย เพราะถ้าพ่อแม่เป็นหรือมีโรคเหล่านั้น การซื้อประกัน ราคา หรือประเภทหมวดหมู่ก็จะเปลี่ยนไป หรือเวลาที่เราไปโรงพยาบาลถ้าเรามีโรคหืดหอบหรือเบาหวาน ฯลฯ คุณหมอมักจะถามว่าพ่อแม่เราเป็นหรือเปล่า เพื่อจะได้สืบค้นหาวิธีรักษาตามขบวนการของแพทย์

คำแช่งสาปมีจริงหรือ ทุกศาสนามีความเชื่อเรื่องคำแช่งสาปมีหลายแขนงหลายแนว เช่น คำแช่งสาปจากปางก่อน คำแช่งสาปจากสิ่งที่เราได้ทำคือการหว่าน คำแช่งสาปจากคำสาบานหรือคำสัญญา หรือคำแช่งสาปจากพิธีกรรมที่เราได้เคยทำไว้แต่ลืมไปแล้ว

สำหรับคริสตชน ท่านอาจมีคำถามมีอยู่ว่ามีตอนไหนในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลพูดถึงคำแช่งสาบ เรามาพูดถึงอับราฮัม บรรพบุรุษแห่งความเชื่อของเราสักคน ท่านโกหกฟาโรห์ว่าภรรยาเป็นน้องสาว เพราะกลัวฟาโรห์จะฆ่าท่านหากบอกว่าเป็นภรรยาและถูกแย่งแช่งภรรยาไป ต่อมาลูกของท่านอิสฮัคก็โกหกเช่นกัน เรื่องเดียวกัน และหนักที่สุดคือยาโคบ เขาโกหกหลายเรื่องทีเดียว ยิ่งหนักว่า ยาโคบชื่อนี้แปลว่าขี้โกงครับ แต่พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่และทรงอิทธิฤทธิ์เปลี่ยนแปลงชีวิตยาโคบ ผ่านการปล้ำสั้นที่เปนูเอล และชีวิตเขาเปลี่ยนใหม่ พระเจ้าทรงประทานชื่อใหม่ คือ อิสราเอล

มาดูอีกเรื่องหนึ่ง ครั้งหนึ่งผู้นำชาวอิสราเอลที่นำต่อจากโมเสสชื่อโยชูวา สมัยนั้นโยชูวาดัง เก่ง พระเจ้าพระยโฮวาห์ทรงสถิตกับท่าน ไปที่ไหนยึดเมืองที่นั่นและสำเร็จด้วยการอัศจรรย์ เรื่องนี้ดังไปถึงหูประชากรเล็ก ๆ ชื่อชาวกิเบโอน กลัวจะโดนโยชูวาโจมตีและยึด ด้วยเหตุนี้ชาวกิเบโอนจึงปลอมตัวมาขอความช่วยเหลือ เรื่องราวจบที่ว่าโยชูวาผู้นำของชาวอิสราเอลสัญญาว่าไม่ทำลายชาวกิเบโอน ต่อมากษัตริย์ซาอูลผู้นำรุ่นต่อไปไม่ชอบชาวกิเบโอน และคงลืมไปว่าผู้นำคนเดิมสัญญาว่าจะไม่ทำลายชาวกิเบโอน แต่ซาอูลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวกิเบโอนไปเสียแล้ว ต่อมากษัตริย์ดาวิดผู้นำรุ่นต่อมามีปัญหากันดารอาหาร ภัยภิบัติเกิดขึ้น ดาวิดทูลถามพระเจ้า ซึ่งคำตอบคือ กษัติริย์ซาอูลไปทำผิดสัญญาเข้า ดาวิดจึงต้องเป็นตัวแทนผู้นำคนเดิมเพื่อขอการยกโทษที่มาจากพระเจ้า และ ชดใช้ชาวกิเบโอนตามที่พวกเขาเรียกร้อง
เรื่องนี้จะเป็นตัวอย่างง่าย ๆ เรื่องการเป็นตัวแทนอธิษฐานของดาวิดกับผู้นำคนเดิม และพระเจ้าทรงหยุดยั้งคำแช่งสาปให้เรื่องราวต่าง ๆ ได้สงบลง

คำแช่งสาปในมุมมองของพระคัมภีร์ไบเบิลนั้น พวกเราเชื่อว่าเมื่อเราเชื่อในพระเยซูคริสต์แล้ว พระองค์ได้นำคำแช่งสาปของเราไปตรึงทำลายที่กางเขนเรียบร้อยแล้ว พวกเราที่เชื่อในพระเจ้าจะหลุดพ้นจากคำแช่งสาป จากโชคชะตาราศีหรือโชคลาภ และจากดวงชะตาที่มีโนโลกนี้ กท.3:13 “พระคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นความแช่งสาปแห่งธรรมบัญญัติ โดยการที่พระองค์ทรงยอมถูกแช่งสาปเพื่อเรา” (เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่าทุกคนที่ต้องถูกแขวนไว้บนต้นไม้ต้องถูกสาปแช่ง)

แล้วคำแช่งสาปยังมาจากไหนอีกละ ก็จากการที่เราไปสร้างขึ้นมาอีกและไม่กลับใจใหม่ไม่ได้จัดการกับมันซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวัน หรือเป็นเรื่องบางเรื่องที่เราละเลยไม่จัดการให้เรียบร้อย มันจึงเป็นอุปสรรคต่อพระพรและพระสัญญาในการรับสิ่งดี ๆ ในชีวิตของเรา ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องจัดการกับมันครับ
ข่าวดี คือ ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลได้สอนวิธีการจัดการและมีพระสัญญาไว้ ที่จะตัดคำแช่งสาปออกจากชีวิตและตัดความสัมพันธ์กับกรรมพันธุ์ เพื่อเราจะได้มีสุขภาพที่ดีและมีชัยชนะได้ ซึ่งเราจะพูดในบทต่อ ๆ ไป