ชีวิตที่เคยล้มลงของแคทเธอรีน คูลห์แมน
11 ก.พ. 1891 -- 9 พ.ค.1907 ช่วงชีวิตของ Kathryn Johanna Kuhlman บุตรของ Joseph Adolph Kuhlman กับ Emma Walkenhorst ที่เมือง คอนคอร์เดีย รัฐมิสซูรี่ พี่สาวของเธอชื่อ Myrtle Kuhlman แต่งงานกับ Everett Parrot
ฤดูใบไม้ร่วง ปี 1921 แคทเธอรีน คูลห์แมน บังเกิดใหม่ที่ คจ.เมทธอดิสท์ ประมาณปี 1924 แคทเธอรีนร่วมกับพี่สาวและพี่เขยเดินทางไปประกาศที่รัฐวอชิงตันและโอเรกอน ตอนนั้นเธอได้มีโอกาสเทศนาบ้างเป็นครั้งคราว จนปี 1928 เธอเริ่มต้นพันธกิจของตัวเองที่เมืองบอยเซ่ รัฐไอดาโฮ จนถึงปี 1933 ที่เมืองพิวโบล รัฐโคโรลาโด้ เธอได้จัดการประชุม ฟื้นใจ และดำเนินติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 6 เดือน
ต่อมาวันที่ 27 ส.ค. 1933 - จัดการประชุมที่เดน เวอร์เป็นครั้งแรกและดำเนินยาวนานเป็นเวลา 5 ปี และเริ่มต้นจัดรายการ วิทยุเป็นครั้งแรก ชื่อว่า KVOD จนวันที่ 28 ธ.ค. 1934 -- คุณพ่อถูกรถชน และเสียชีวิตในอีก 2 วันต่อมา โดยไม่ได้เห็นหน้าเธอเป็นครั้งสุดท้าย
ต่อมา 25 ก.พ. 1935 หน่วยงาน Denver Revival Tabernacle ได้ก่อตั้งขึ้น โดยมี แคทเธอรีน คูลห์แมน เป็นผู้อำนวยการการก่อตั้งอาคาร ซึ่งสร้างแล้ว เสร็จในเดือนมิถุนายน ปี1936 คุณแม่ของเธอบังเกิดใหม่และรับบัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ขณะร่วมการประชุมของเธอที่เมืองเดนเวอร์
เหตุการเริ่มแปรผันเมื่อเธอหันจากการทรงเรียกของพระเจ้า ต้นปี 1937 Burroughs Waltrip ผู้ประกาศหนุ่มรูปหล่อชาวเมืองเท็กซัส ซี่งเป็นหนึ่งในนักเทศน์รับเชิญหลายคนที่ถูกเชิญให้มาเทศนา มาเยี่ยม Denver Revival Tabernacle เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นในปลายปีเดียวกัน เขาฟ้องหย่าภรรยาคนแรกของเขา เขาทิ้งเธอพร้อมลูกชายเล็ก ๆ 2 คน และมาเริ่มต้นพันธกิจใหม่ของตัว เอง ตั้งชื่อว่า Radio Chapel ที่เมืองเมสันซิตี้ รัฐไอโอว่า
เดือนกรกฎาคม 1938 – แคทเธอรีน คูลห์แมนได้รับเชิญให้มาเทศนาที่ Radio Chapel ปรากฏว่าสองคนเริ่มมีความสัมพันธ์ ลึกซึ้งต่อกัน จนวันที่ 18 ต.ค.1938 แคทเธอรีนได้แต่งงานกับ Burroughs Waltrip ที่เมืองเมสันซิตี้
Radio Chapel ถูกปิดหลังจากนั้นไม่นาน และทั้งคู่ต้องจากไอโอว่าไปอยู่ที่อื่น จนปี 1943 ข่าวเรื่องการแอบแต่งงานอย่างไม่ถูกต้องของทั้งสองรั่วออกไป ทำให้การ ประชุมต้องถูกยกเลิกไป ทั้งคู่ย้ายไปอยู่อพาร์ทเมนท์ ที่เมืองลอสแองเจลลิส รัฐคาลิฟอร์เนีย ที่นั่นเองที่แคทเธอรีนมีประสบการณ์ตายต่อตัวเอง เธอ รู้สำนึกผิดและตัดสนใจทิ้งสามีของเธอ ซื้อตั๋วรถไฟเที่ยวเดียวไปเมืองแฟลงคลิน รัฐเพนซิลวาเนีย โดยไม่กลับมาหาและติดต่อชายที่เธอแต่งงานด้วยอย่างไม่ถูกต้องอีกเลยตลอดชีวิต
เธอซื้อตั๋วรถไปเที่ยวเดียวจริงๆ และไม่คิดหันหลังกลับมาอีก ชีวิตเธอมอบให้กับพระองค์ กลับมาสู่การทรงเรียกอีกครั้งอย่างแท้จริง
พายุเริ่มโหมเข้ามา ปี 1945 อีกสองปีหลังเธอกลับใจใหม่ จากความบาปล่วงประเวณี เธอถูกพาดหัวในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นว่าหย่ากับสามี ทั้งที่ขณะนั้นวอลทริบยังไม่ได้ยื่นขอหย่ากับเธอเลยตามกฏหมาย จึงต้องกลับไปเพนซิลวาเนีย จากนั้นเมื่อเธอเดินทางไปที่ไหน เริ่มจัดประกาศ เมื่อถีงวันงานหนังสือพิมพ์ หรือนักข่าว บางครั้งก็เป็นคริสตจักร ได้ออกข่าวโจมตี เธอว่าเคยแต่งานและหย่า จึงทำไห้งานประกาศ งานประชุมของเธอเลิกจัดกลางครัน บางครั้งเธอย้ายไปอีกเมืองหนึ่ง และเริ่มจัดการประชุมใหม่ ใกล้ถึงเวลางานปรากฏว่าข่าวเรื่องการหย่ากับสามี ก็ตามไปถึงที่นั่น เธอก็งดจัดการประชุมอีก ผลจากการกลับใจใหม่ของเธอ และละทิ้งกับความบาปในอดีต แม้พระเจ้ายกโทษให้แก่เธอ แต่ว่านักข่าว คริสตชน ไม่ยอมที่จะให้โอกาสเธอเสียแล้ว เธอต้องย้ายถิ่นฐานบ่อย ๆ เพราะอยากหลบคำกล่าวหาจากอดีต และเธอต้องพิสูจน์ การกลับใจใหม่ไปอีกนาน โดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะผ่านพ้นสถานการณ์นี้
พระเจ้ามีเวลาของพระองค์ ก.พ. 1946 –เธอเริ่มเช่าสถานที่ของ Gospel Tabernacle จาก M.J. Maloney เธอเริ่มต้นออกอากาศรายการวิทยุ และต่อมา เธอเริ่มสนใจเรื่องการรักษาโรค จึงเดินทางไปดูตามที่ต่าง ๆ ที่มีการจัดครูเสด รักษาโรค และเธอเริ่มศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์อย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องพระวิญญาณ บริสุทธิ์
ต่อมา พ.ย. 1946 – เธอ ได้พบกับหญิงม่าย 2 คน ซึ่งได้ชวนให้แคทเธอรีนไปอยู่ด้วย ต่อมาหญิงม่ายคนหนึ่งตาย อีกคนกลายเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของ แคทเธอรีนตลอดชีวิตของเธอ
จนเดือน เมษายน 1947 -เธอ เริ่มสอนเรื่องพระวิญญาณ จากนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นพยานว่าได้รับการรักษาโรค อีกไม่นานต่อมาก็มีการหายโรคครั้งที่สอง
จนปี 1948 วอลทริบ สามีเธอ ขอหย่าอย่างเป็นทางการ โดยมีเพื่อนสนิทของทั้งสองเป็นผู้เดินเรื่องให้อย่างลับ ๆ จนวันที่ 4 ก.ค. 1948 – เธอจัดการประชุม Miracle Crusade เป็นครั้งแรก จากนั้นก็จัดติดต่อกันเป็นเวลา 20 ปี ห้องประชุมล้นและเกิดการอัศจรรย์ตั้งแต่ครั้งแรกของการประชุม และปี 1973 -- ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิต ทางด้านมนุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยออรัล โรเบิร์ท แคทเธอรีน เสียชีวิตในวันที่ 20 ก.พ. 1976 เนื่องจากหัวใจล้มเหลว
จากบทเรียนนี้ แม้จะพลาดออกจากเส้นทางของพระเจ้า บาปหนักแค่ไหน มนุษย์รังเกียจ และจะไม่มีโอกาสให้ได้ยืนหยัด แต่ผลจากการกลับใจใหม่ของท่าน ก็จะเป็นที่ประจักษ์ และสามารถรับใช้ในงาน อันยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งได้ เหมือนแคทเธอรีน คูลห์แมน ผู้ที่ตีตั๋วรถไฟเที่ยวเดียว ออกจากชีวิตเก่า และไม่ตีตั๋กลับอีกเลย พระเจ้ารอทุกคนอยู่ครับ
ตัวอย่างชีวิตที่ให้เกียรติพระเจ้าอย่างสูงของแคทเธอรีน ดิฉันคิดว่ายังมีอีกหลายๆคนที่มีชีวิตคล้ายๆ เธอ แต่คนเหล่าหมดโอกาสจากคนรอบข้างของเธอที่จะให้โอกาสใหม่ หลายคนกลับใจใหม่แล้ว แต่คนรอบข้างยังไม่เปิดโอกาส เลยทำให้พระเจ้าไม่สามารถใช้ชีวิตของคนที่เคยล้มประกาศพระนามเหมือนอย่างเธอ เพราะเมื่อล้มแล้วลุกไม่ขึ้น อยากให้ทุกคนที่รักพระเจ้าและรู้วาพระเจ้าให้อภัยเราแล้ว และมนุษย์ทุกคนอ่อนแอทุกคน เมื่อล้มลง ควรที่จะพยุงให้เขาลุกคน ดิฉันเชื่อแน่ว่าหลายครั้งที่เขาล้มลงไป เขาต้องการคนประคองเพื่อจะลุกมาใหม่ และเขียนเรื่องราวของเขาเพื่อประกาศพระนามพระเจ้าว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่
ตอบลบเราอยากให้มี ผู้นำ และคริสตชน ที่มีหัวใจแบบพระบิดา แล้วเราจะพบว่ามีคนอีกมากมาย ที่ลุกขึ่นมาได้และมีโอกาสอีกสักครั้ง อาจทำการไหญ่แบบเปาโลเลยครับ
ตอบลบดิฉันเป็นสมาชิกธรรมดาเคยผิดเรื่องเพศ(มีบาดแผลตอนเด็กถูกล่วงฯ)
ตอบลบจากบ้านรวย-ล้มละลาย.มาเป็นคต.ก็ยังทำผิด.ต้องมีเรื่องเพศทุกครั้ง.
เคยทำแท้ง3-4.ผู้ใหญ่ใจคจ.ก็ดูเราแย่ๆ และหลุดจากทางไป.แต่ในใจยังเชื่อว่ามีพระเจ้า.แต่ไม่มีกำลัง.สามีไม่ได้เชื่อ.ท้องก่อนแต่ง
วันนี้เรื่องทุกอย่างไม่เอามาคิดแล้ว โดยโลหิตของพระเยซูคริสต์อีกครั้งหนึ่ง
และต้องอดทนอย่างมากมายหลายเรื่อง.ความหวังในพระองค์ผู้เดียวเท่านั้น
พระเจ้าเหวี่ยงความบาปเราไปหมดแล้ว เรากต้องเหวี่ยงทิ้งมันไปด้วยครับ พระองค์รักเรา สนใจเรามากกว่าสิ่งที่ผ่านมาในตัวเรา
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบดีใจที่ผ่านมา และได้อ่านข้อความนี้ เพื่อนต่างโบสถ์เคยเล่าไว้เมื่อหลายปีก่อน ถึงผู้หญิงคนนึที่รับใช้พระเจ้า เมื่อเขาล้มลง และกลับใจ เธอมีการเจิมมากกว่าเดิม เทศน์ที่ไหนคนกลับใจมากมาย เพิ่งรู้ว่าคนนั้นคือ คูลแมน คนเดียวกับที่เบนนี่ฮินน์ชื่นชม
ตอบลบปัจจุบัน รู้จักคนอยู่คนนึง ที่เป็นผู้นำ เป็นแบบอย่างที่ดีในชีวิตคริสเตียน ประกาศ เลี้ยงดู รักพระเจ้ามาก เมื่อเขาล้มลง บอกได้เลยว่า งานรับใช้ของเขาแทบจบสิ้น เพราะคริสเตียนด้วยกันไม่ให้โอกาสเขา และโจมตีชีวิตของเขาว่าไม่สมควรจะอยู่ในตำแหน่ง ในงานรับใช้ แม้ว่าเขาจะกลับใจแล้วก็ตาม
เราเองก็เคยล้มลง จะด้วยเรื่องอะไรก็แล้วแต่ แต่ต่างกันตรงที่ เราเป็นเพียงผู้น้อย เราไม่ได้อยู่ในฐานะใหญ่โตในงานรับใช้ หรือในคริสตจักร เราเคยท้อใจที่จะลุกขึ้น ยิ่งได้ยินเรื่องราวของคนดังกล่าว แต่พระคำของพระเจ้าบอกว่า คนชอบธรรมล้มลง 7 ครั้ง ยังลุกขึ้นได้อีก และถ้าเราเป็นผู้น้อยไม่เรียนรู้ที่จะล้มลง ลุกขึ้น หากวันหน้า วัยวุฒิ หน้าที่ ชื่อเสียง มากกว่านี้ แล้วไม่เคยเรียนรู้มาก่อน เราคิดว่าคงจะล้มดัง และเจ็บกว่า ... อะไรก็ตาม ที่เคยเกิดขึ้น วันนี้ ขอบคุณพระเจ้า พระองค์เป็นพระผู้ช่วย เป็นกำลัง และไม่เคยทอดทิ้งจริงๆ
ตอบลบ