วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วาเลนไทน์




วาเลนไทน์
วันแห่งความรัก

เดือนกุมภาพันธ์…ฤดูหนาวกำลังจะผ่านพ้นไป…ต้นไม้กำลังจะผลิดอกออกใบขึ้นมาใหม่ สีเขียวสดชื่นมีชีวิตชีวาเริ่มปรากฎขึ้น…เหล่านกกาโผผินออกจากรังและที่หลบซ่อนซึ่งหลบอยู่ตลอดฤดูหนาว ชีวิตเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง นกกาเริ่มจับคู่พลอดรักผสมพันธ์ ท่ามกลางแสงอันอบอุ่นของดวงอาทิตย์แห่งฤดูใบไม้ผลิ

กุมภาพันธ์…เดือนเดียวกันนี้เองที่กำหนดให้มี “วันแห่งความรัก” ใครที่ความรักกำลังสุกงอมก็คงอยากจะบอกรักซึ่งกันและกันหรืออาจจะขอแต่งงานกันในเดือนนี้ก็หลายคู่


“วาเลนไทน์” เป็นชื่อของบุคคลผู้หนึ่งซึ่งเป็นผู้นำในคริสตศาสนาที่มีชื่อว่า “เซนต์วาเลนไทน์” เขาเป็นบุรุษผู้มีหัวใจเปี่ยมล้นด้วยความรักและความปราถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ แต่ต้องจบชีวิตลงด้วยการรับโทษประหาร ในวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ.270 เรื่องมีอยู่ว่าในสมัยคริสตศตวรรษที่ 3 มีผู้นำคริสเตียนในกรุงโรมคือ “วาเลนตินัส” หรือ “วาเลนไทน์” คนนี้นั่นเองเป็นผู้ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักและความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ วันแล้ววันเล่าท่านจะนำอาหาร ของใช้จำเป็นไปวางไว้ที่ประตูบ้านของคนที่อดอยากยากจนโดยมิได้ประกาศตัวให้เขารู้




สมัยนั้นคริสตศาสนายังไม่เป็นที่ยอมรับในจักรภพโรมัน ใครก็ตามที่เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ถือว่ามีความผิดอย่างร้ายแรง พวกคริสเตียนจำนวนมากที่ถูกจับไปทรมานด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น จุดไฟเผาทั้งเป็น เอาท่อนเหล็กเผาไฟมาจี้ที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ให้ต่อสู้กับสิงสาราสัตว์ แล้วพวกทหารโรมันนั่งดูกันด้วยความสนุกสนาน…ในที่สุดก็ถูกประหาร เพราะไม่ยอมปฏิเสธความเชื่อศรัทธาในองค์พระเยซูคริสต์และมีอีกหลายคนที่ถูกนำไปจำจองไว้ เพื่อทรมานให้ละทิ้งความเชื่อ ซึ่งในจำนวนคนเหล่านั้นก็มี “วาเลนตินัส” รวมอยู่ด้วย

วาเลนตินัสถูกทรมานและบังคับขู่เข็ญต่าง ๆ นานาให้ปฏิเสธพระเยซูคริสต์ แต่ท่านก็หาได้ยอมไม่ แต่กลับแสดงความรักความเมตตาช่วยเหลือคริสเตียนคนอื่น ๆ ที่ถูกข่มเหงนั้น แม้ตัวท่านเองจะลำบากเพียงใด และได้แสดงความเมตตาอธิษฐานเผื่ออย่างร้อนรนต่อพระเจ้า ให้ทรงรักษาบุตรสาวตาบอดของ “อัสทาริอุส” ผู้คุมคุกให้หายตาบอด ในที่สุดครอบครัวของผู้คุมก็ได้กลายเป็นคริสเตียนไปด้วย

เมื่อจักรพรรดิ์คลอดิอุสที่ 2 ของโรมทราบว่าครอบครัว “คลอดิอุส” เป็นคริสเตียนเพราะวาเลนตินัส พระองค์ทรงกริ้วมาก สั่งให้ลงโทษวาเลนตินัสอย่างหนัก ให้นำไปโบยแล้วตัดศรีษะ

คืนสุดท้ายก่อนที่ท่านจะถูกนำไปประหารท่านได้เขียนจดหมายสั้น ๆ เป็นการอำลาส่งไปยังลูกสาวของ “คลอดิอุส” ลงท้ายว่า “จาก วาเลนไทน์ของเธอ”

รุ่งเช้าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 270 ท่านก็ถูกนำไปตัดศรีษะ เอาศพไปฝังไว้ที่เฟลมิเนี่ยม เวย์ ภายหลังมีโบสถ์หลังใหญ่สร้างขึ้นคร่อมสุสานของท่านไว้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงชีวิตและความรักอันยิ่งใหญ่ของท่าน ผู้คนต่างรู้สึกประทับใจในชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาและความเชื่อของท่าน จึงยึดเอาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวัน… “วาเลนไทน์”

เพราะเหตุนี้ คริสตจักรหลายแห่งจึงได้จัดวันวาเลนไทน์ขึ้น เพื่อระลึกถึงความรักอมตะ รักบริสุทธิ์และสูงส่ง เช่นเดียวกับที่เซนต์วาเลนไทน์ได้ถือปฏิบัติตามแบบอย่างขององค์พระเยซูคริสต์ที่รักมวลชนจนยอมเสียสละแม้ชีวิตของพระองค์ได้



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น