วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

การฟังเสียงพระเจ้า ตอน 7

พระเจ้าสื่อสารกับเราผ่านความคิด ความรู้สึก และเสียงได้

การฟังเสียงพระเจ้าผ่านทางการสื่อสารจากพระเจ้าถึงร่างกายของท่าน เช่น พระเจ้าตรัสโดยมีถ้อยคำยิงเข้ามาในใจ หรือในสมองความคิดของท่าน แต่ต้องใช้พระวจนะเปรียบเทียบและจิตสำนึกผิดชอบ อีกทั้งเสียงนั้นต้องไม่ขัดต่อพระลักษณะของพระเจ้าและจริยธรรม อีกทางหนึ่ง คือ ความรู้สึกผิดชอบที่อึดอัดในใจ ก็เพราะเราเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ รู้สึกอย่างไรก็จะใช้ ร่างกายท่านนการสื่อสารกับพระองค์ เช่น มีคนขโมยของมาฝากท่าน ท่านอาจถามพระเจ้าว่าควรรับหรือไม่ แน่นอน ความรู้สึกผิดชอบ ไม่สบายใจ อึดอัดปั่นป่วนท้อง ความทุกข์ร้อนใจก็จะปรากฏในใจท่านนี่เอง

อีกทางหนึ่งคือ คือ ทุกครั้งที่ท่านอธิษฐาน จะมีการร้องเพลง นมัสการ ขอบคุณพระเจ้า แต่ละครั้งควรมีการนั่งนิ่ง ๆ ฟังเสียงพระองค์ บางครั้งก็ใช้เวลานานหน่อยกว่าพระเจ้าจะตรัส เพราะทรงอยากอยู่กับท่านนาน ๆ ไม่อยากให้ท่านมาเพื่อขอประโยชน์ส่วนตัว แต่ไม่สนใจพระเจ้าเลย

บางครั้งพระองค์ก็ตอบไว แต่เวลาที่เงียบฟังเสียงเป็นสิ่งสำคัญมาก ผมจะยกตัวอย่างสักเรื่อง ขณะที่เรียนปีสุดท้ายผู้เขียนได้ทุนไปอบรมสัมนาต่างประเทศช่วงสั้น ๆ แต่เนื่องจากเป็นนักศึกษาอยู่ เลยไม่มีเงินทำหนังสือเดินทาง หรือค่าใช้จ่าย แต่ผู้ให้ทุนค่าสัมนาได้จองที่พักและค่าลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว (น่าเสียวไส้นะครับ ให้กันแบบนี้ โดยผมไม่รู้ตัวมาก่อน) เขาจัดการเสร็จแล้วมาบอกผม แต่อย่างไรต้องขอบคุณท่าน และพระเจ้าที่ให้โอกาสผมในขณะนั้น ผมอธิษฐานนั่งฟังเสียงพระเจ้า รอคำตอบว่าควรจะไปหรือปฏิเสธ หากไปก็ไม่มีเงิน หากปฎิเสธก็จะเสียน้ำใจ ผมอธิษฐานและฟังเสียงพระเจ้าเงียบ ๆ วันที่สองพระเจ้าตรัสคำพูดสั้น ๆ ผมมั่นใจมาก เราจะเซ้นท์นะครับ ว่า “ไป”เพราะเราทำบ่อย ๆ จากนั้นผมลงมาทานข้าวเพราะอยู่หอพัก ปรากฎว่ามีอาจารย์ท่านหนึ่งเอาเงินให้ผมก้อนหนึ่ง ผมทานข้าวเสร็จก็เดินทางไปทำหนังสือเดินทางทันทีครับ ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่อยากจะเล่า และท้าทายให้ท่านมีเวลาฟังเสียงพระเจ้าทุกวัน ในเรื่องที่ท่านไม่สามาถตัดสินใจได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น