วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552

หมวดการบำบัด-ตอนที่ 16 วินัยใหม่ พลังความคิด

วินัยใหม่ พลังความคิด
ตอนการป้องกันความคิดสับสน

“สภษ 27: 19 ในน้ำ คนเห็นหน้าคนฉันใด ความคิดของคนก็ส่อคนฉันนั้น”

ขอให้สังเกตว่าเรามักจะเห็นคำว่า “ใจคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น” หรือ “เราคิดอย่างไร ใจก็เป็นอย่างนั้น” หรือคำว่า “คิดในใจ” หรืออีกคำ “ใจคิดอย่างไร ก็ทำอย่างนั้น” สังเกตุ คำว่า ใจกับความคิดมักเชื่อมโยงติดกันเสมอ และโดยธรรมชาติของเราก็มักทำในสิ่งที่คิดไว้ในใจ

ใน ตอนนี้เราไม่มานั่งหาเหตุผลทางวิชาการหรือทางจิตวิทยาละครับในเรื่องความคิด กับใจ แต่เราจะมาคุยกันในเรื่อง การเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างใจกับความคิด และจะแก้ไขปัญญาที่เกิดขึ้นอย่างไร?

ผม จะยกตัวอย่างเพิ่มเติมอีกสักเรื่อง เช่น หากใจเราเกลียด ความคิดก็คิดเกลียดตาม หรือหากใจเรารัก เราก็คิดรักตาม แต่ทางกลับกัน หากเราคิดเกลียด ใจก็ปะทุอารมณ์อยากจะด่า ฆ่า ทำร้าย แต่หากความคิดจะรัก ใจของเราก็มีอารมณ์ร่วม รัก คิดหาทางทำอะไรบางอย่างเพื่อคนคนนั้น โดยวางแผนงานกับความคิดด้วยเช่นกัน

พลังความคิดสำคัญมาก หากความคิดสับสน ใจก็สับสน หากความคิดวุ่นวาย ใจก็วุ่นวาย และถ้าหากความคิดวิปริต ใจก็วิปริต ความคิดไม่เป็นระบบระเบียบ ใจก็ไม่เป็นระบบระเบียบ ความคิดไม่เป็นผู้ใหญ่ ใจก็ไม่โตเป็นผู้ไหญ่ หรือคำว่าใจไม่กว้างใจ ใจไม่มีเมตตาอารีย์

เรามาลองดู เมื่อตาของเรามองเห็นอะไร สักอย่าง จิตใจของเราก็อยาก ปราถนา และความคิดก็เริ่มวางแผนทันทีทันใด หรือเมื่อใจปราถนา เพราะสายตากวาดไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ต้องใจ ความคิดก็เริ่มวางแผนที่จะได้มา

หรือ เมื่อหูได้ยิน จิตใจ อารมณ์พาไป ความคิดก็เริ่มหาช่องทาง วิเคราะห์ หรือ เมื่อเราได้กลิ่นอาหาร ขนม อันโอชะ ใจปราถนาจะกิน ความคิดก็วางแผน หาทางที่จะได้ขนมนั้นมากิน

หากจะ หยุด ก็หยุดที่ ตา หู จมูก ปาก ที่จะรับรู้สิ่งรอบกายทั้งหมด แต่เราหยุดไม่ได้ นอกจากไปอยู่นอกโลก เพราะทุกวันนี้เราอยู่ในสังคมที่มีการสื่อสาร เป็นตัวเร้าทุกสถาณการณ์ เราต้องหยุดที่ใจกับความคิด เพราะสองส่วนนี้มันอยู่ภายในเรา เพราะสองส่วนนี้จะทำงาน วางแผนร่วมกัน และเราก็มีอำนาจจะหยุดด้วย หากเรารู้วิธีการ เพื่อผลที่ตามมา คือเราจะสามารถหยุดมันที่จะพาเราไปสู่การชั่วก็ได้ หรือหยุดความคิดที่สับสน วุ่นวาย ขาดสันติสุขในชีวิต

ปัญหาใหญ่ที่สุดที่เรามีความคิดสับสนหาจุดสรุปไม่ได้ เราก็จะเป็นคนที่สื่อสารไม่รู้เรื่อง จัดลำดับสำคัญต่าง ๆในการทำงานไม่ได้ คิดสะเปะสะปะ ในการทำงาน ไม่สามารถทำงานใหญ่ที่ซับซ้อนกว่านี้ได้ และหากเราอยู่ในขบวนการบำบัด เราก็จะจมดิ่งลงไปในวิถีชีวิตเดิมอีก เพราะปัญหาอยู่ที่เรา คือ ความคิดและจิตใจ ที่ไม่มีระบบและไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งยังสับสนครับ

อยาก จะยกตัวอย่าง สมมุติว่าทั้งความคิดและจิตใจเป็นคอมพิวเตอร์ และมีไวรัสเข้าไปเยอะ ๆ (ไวรัสคือ สิ่งที่ไม่สว่าง ไม่สะอาด ไม่สงบ ) และเอกสารภายในคอมพิวเตอร์ของเรา แบ่งไม่เป็นหมวดหมู่ เช่นไฟล์เกี่ยวกับเสียง ภาพ อักษร ผสมปนเปไปหมด ไม่มีการจัดให้เรียบร้อย และไม่มีการแสกนไวรัส ไม่มีการจัดหมวดหมู่เอกสาร) ต่อมาไวรัสก็กัดกินสมองกลของเราและจิตใจ จนเครื่องพัง ไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ สมองกลนี้ทำงานได้แต่งานเล็ก ๆ อย่าเพิ่งพูดถึงงานใหญ่ ๆ บางเครื่องจะเปิดเครื่องยังไม่ได้เลย

แต่หากไม่มีไวรัส ความชั่วร้าย มารเข้ามาแทรกแทรงเพราะมีระบบป้องกันอย่างดี และการจัดระบบจิตสำนึกดีชั่วทำงานปกติ โดยมีพระคำพระเจ้าเป็นตัวป้องกัน เจ้าของเครื่องจัดเอกสาร เป็นหมวดหมู่ ระบบสมองกลของความคิดของเราก็จะไม่รวนสับสน ครับ แล้วอะไรคือไวรัสล่ะ ก็ความคิดที่ไม่สว่าง ไม่สะอาด ไม่สงบ ไม่รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น