วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552

หมวดเยียวยาปลดปล่อย-ตอนที่ 10 การปลุกจิตสำนึกที่หลับไหล

การปลุกจิตสำนึกที่หลับไหล

ตั้งแต่เราเกิดมา การเลี้ยงดู การเอาใจใส่ ความอบอุ่น และการสัมผัส การถูกกระตุ้นด้านจิตสำนึก และที่สำคัญบรรยากาศ เสียงหัวเราะ การแสดงความรัก การถูกสอนว่าสิ่งไหนควรทำไม่ควรทำ และการปูพื้นฐาน การฟูมฟักเรื่องจิตสำนึกในสิ่งที่ถูกผิด ควรพูดไม่ควรพูด ควรทำไม่ควรทำ จำเป็นต้องเริ่มขึ้น แต่ถ้าหากว่าเด็กคนนั้นเติบโตมากลับเป็นตรงกันข้ามก็เพราะว่าเขาหรือเธอไม่ได้รับสิ่งเหล่านี้ และจะทำให้เมื่อโตขึ้นจิตสำนึกและการเติบโตในเรื่องความรู้สึกในด้านความดีชั่วผิดชอบหลับไป บางคนอาจหายไปแทบไม่เหลือความรู้สึกเหล่านี้ เมื่อพวกเขาโตขึ้นมา เขาไม่สามารถตอบสนองต่อเรื่องจริยธรรมหรือความรักที่ควรแสดงออกและรับได้ จะทำให้มีปัญหาในครอบครัวครับ

เราจะปลุกสร้างจิตสำนึกเรื่องอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น การสื่อสาร บางคนคุยแล้วไม่สามารถแยกแยะให้รู้เรื่องได้ เช่น คุยแบบไร้อารมณ์ ตีความหมายผิดไปจากคนอื่น ๆ หรือการแสดงออกในด้านเพศที่ควรให้แก่สามี/ภรรยา เพราะเรื่องเพศเป็นเรื่องความรักไม่ใช่หน้าที่ อีกเรื่องคือด้านจริยธรรม จิตสำนึกดีชั่ว ด้านการแสดงออกด้วยความรัก ฯลฯ ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะกล่าวละเอียดในบทต่อ ๆ ไป

จะแก้อย่างไรครับเมื่อมีอาการเหล่านี้ แน่นอนคนรอบข้างมักจะตำหนิเราในเรื่องซ้ำ ๆ เรื่องเดิม ๆ บ่อย ๆ และเราไม่หายจากอาการนี้ หรือเราเองสังเกตดูว่าทำไมความสัมพันธ์ของเรากับคนอื่น ๆ มีปัญหา เราจะแก้โดยคุย บอก ปลุก สอน อ่าน ทำความเข้าใจกับมัน และสร้าง ปลุกส่วนที่หลับให้กลับคืนมาใหม่ หากเป็นคริสเตียนก็จะทำการบำบัดโดยการกอด สัมผัส จากเพศเดียวกัน จากผู้ทำบำบัด และอธิษฐานปลุกจิตสำนึกเหล่านั้นที่หลับให้ตื่นขึ้นมาครับ

สรุป พันธกิจการเยียวยามีอยู่สามเรื่องใหญ่ ๆ ที่เราทำกันคือ หนึ่ง การเยียวยาปลดปล่อย สอง การปลุก จิตสำนึกให้ตื่น และสุดท้ายการอธิษฐานตัดความสัมพันธ์ ตัดคำแช่งสาปจากบาปบรรพบุรุษ คำสาบาน ต่อพระต่อผี หรือต่อวิญญาณ วิธีการเหมือนเดิมคือ สารภาพบาป และอธิษฐานตัดความสัมพันธ์ และถวายตัวให้แก่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อว่าอำนาจต่าง ๆ จะถูกจัดการขับไล่ออกไป แล้วเราก็จะมีพลังอำนาจใหม่ คือความรักของพระเจ้าเข้ามาครอบครองเปลี่ยนแปลงและอวยพรแก่เราครับ

4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ19 เมษายน 2553 เวลา 02:48

    มีพี่ที่ไปเรียนพระคัมภีร์ที่เปิดสอนตามโบสถ์ภาคใต้จ.หนึ่ง อ.ผู้สอนเขาไม่เชื่อเรื่องการเยียวยา การเผยฯ นิมิต(เพราะชีวิตคนเหล่านั้นไม่เหมือนชีวิตของผู้รับใช้ในพระคัมภีร์ เช่น เปาโล เขาก็ดูเรื่องการดำเนินชีวิตของคนเหล่านี้เหมือนกันว่าติดสนิทและการดำเนินชีวิตเป็นอย่างไร) เขาสอนให้ไม่ลุ่มหลงหรือหมกมุ่นกับเรื่องการอัศจรรย์จนเกินไปนัก ให้เชื่อแต่การสำแดงจากพระเจ้าเท่าที่มีอยู่ในพระคัมภีร์เท่านั้น ถ้านอกเหนือจากนั้นก็มาจากมนุษย์เองหรือมาจากมาร แต่รับรองว่าอ.ท่านนี้สอนพระคัมภีร์ดีมาก และไม่ออกนอกทางเลยเท่าที่ได้รับฟังมา และสอนให้เรารู้จักดำเนินชีวิตและเชื่อตามอย่างพระคัมภีร์เท่านั้น เพราะพระเจ้าไม่เคยสำแดงอะไรนอกเหนือจากในพระวจนะของพระองค์ เพราะฉะนั้น อะไรที่ปรากฏอยู่ในสมัยนี้ ที่มีการใช้ของประทานที่นอกเหนือจากพระคัมภีร์หรือที่เกินเลยไป หรือ อะไรอื่นที่ไม่มีปรากฏในพระคัมภีร์ก็ไม่ควรปักใจเชื่อ เพราะอ.เขาสอนว่า พระเจ้าก็สำแดงหรือให้เราเป็นผู้วางมือเองได้เหมือนกัน หรือ พระเจ้าก็ตรัสกับเราได้ เพราะเราเป็นผู้ที่ถูกเลือกและถูกไถ่ไว้แล้ว มีค่ามีราคาเท่าๆกัน ไม่มีใครวิเศษไปกว่ากัน พระเยซูได้ชำระเราโดยพระโลหิต ได้รับความผิดบาปความเจ็บปวด ความทุกข์ รับบาดแผล แทนเราแล้ว เพราะฉะนั้น จึงไม่ต้องมีการเยียวยาจากมนุษย์อีกต่อไปถึงแม้จะทำในนามของพระเจ้า เพราะทั้งหมดอยู่กับพระเยซูที่บนกางเขนแล้ว และไม่มีการกล่าวถึงการเยียวยาในพระคัมถีร์ด้วย แต่ยังไงเขาก็สอนให้เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน เชื่อฟังผู้ที่มีสิทธิอำนาจหรืออาวุโสกว่า ฟังดูแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยนะค่ะ

    ตอบลบ
  2. คำตอบคือ อยู่คริสตจักรไหน คณะไหน ก้เดินตามคำสอน สถานที่ท่านอยู่ครับ ความรักไหญ่ที่สุด ความเป้นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ก็สำคัญในพระกาย ไม่มีใครสอนถูกหรือผิด พอดี ผมทำงานด้านนี้ พบคนมีปัญหา ด้านจิตใจ บาดแผล และการล่วงละเมิด ในอดีต ที่เขาเอาชนะไม่ได้ หรือบางคน เอาชนะความบาป ประจำวันไม่ได้ และอยากมีเพื่อน คอยหนุนใจ เราจึงเป็นเพื่อนกับพี่น้องเหล่านี้ ก็เลยพยายามหาทุกวิถีทางที่จะช่วย ทุกคน และเชื่อว่า อาจจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ แต่เนื้องด้วย ความรู้และประสบการณ์ ของผม ยังก้าวไปไม่ถึง แต่ยินดี รับข้อแเสนอแนะ ในการช่วยเหลือ ผุ้มีปัญหาที่เข้ามาในศูนย์ของเรา ครับ พระเจ้าอวยพร

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ19 เมษายน 2553 เวลา 22:46

    คนที่มีของประทาน ที่บางครั้งเขาเองอาจจะไม่รู้ หรือว่า ขอการสำแดงจากพระเจ้ารยืนยันว่าเขามีของประทานแน่นอน แต่ถ้าไม่ใช้แล้วจะเป็นอย่างไร สำหรับคนที่มีของประทานแต่ไม่ได้ใช้ พระเจ้าจะเอาคืนมั้ย แล้วเมื่อไหร่ถึงจะมีโอกาสได้ใช้ เคยมีแต่คนรอบข้างที่บอกว่าเขามีของประทานนี้หลายคนแล้ว แต่ตัวเขาเองไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ เพราะกลัวว่าจะเป็นการเข้าใจอุปทานแบบหมู่ ส่วนตัวเขาเคยขอการยืนยันจากพระเจ้าและขอพี่เลี้ยง แต่คิดว่ายังไม่มีคำตอบมาเลย เขาก็เลยไม่แน่ใจและตอนนี้ค่อนข้างคิดว่าอาจจะไม่ใช้และไม่มีของประทานนี้แน่นอน เพราะตัวเขาเคยใช้ของประทานที่คนอื่นบอกว่าเขามีของประทานนี้ แต่ตัวเขาเองบอกว่าไม่เคยได้เห็นหรือได้ยินเสียงอะไรเป็นพิเศษระหว่างที่ใช้ของประทาน แต่ปากก็ต้องพูดออกไป และพยายามที่จะเรียนรู้และไม่ค่อยกล้าใช้ของประทานสักเท่าไหร่ในตอนนั้น และจากนั้นมา ก็เลยเลิกความคิดที่คิดว่าตัวเขาเองมีของประทาน และเขาบอกว่าเหมือนคนที่อยู่ในวังวน ที่หาทางออกไม่เจอ ไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับตัวเองได้แต่รอคอยพระเจ้าที่จะนำออกไปสู่จุดที่เปิดเผยกว่านี้ ไม่อยากใช้ของประทานแบบสะเปะสะปะ(ขออภัยถ้าหากพิมพ์ไม่ถูก) หรือว่าใช้ไปทั้งที่ไม่ใช้ของประทานจากพระเจ้า แต่มาจากมารซานตานหรือภายในใจตัวตนของตัวเอง แต่ส่วนตัวเราเองคิดว่า ถ้ามาจากพระเจ้า พระองค์ก็ต้องให้ของประทานนั้นมีการใช้และจำเริญขึ้น ถูกมั้ยค่ะ และพระเจ้าต้องเปิดทางให้มีการใช้อย่างถูกต้อง ถ้าคน..คนนั้น ตั้งใจใช้เพื่อให้พระเจ้าได้รับเกียรติ และขออย่าให้เป็นการดูหมิ่นพระวิญญาณเลย ขออาจารย์ผู้มีความรู้และประสบการณ์และการมีชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้าได้ช่วยแนะนำและให้ความรู้เป็นพระพรที่มาจากพระเจ้าด้วยเถอะค่ะ
    ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  4. ผมอยากจะอธิบายตามมาตฐานสากล(หมายถึงนักวิชาการและนักศาสศาตร์ทั่วโลก ที่เคลื่อนในเรื่องของประทานนะครับ) หนึ่ง ทุกคนมีของประทานอย่างน้อยสุดหนึ่งอย่าง ตามพระธรรม1คร12 สอง ของประทานจะรับการพัฒนาและรู้ว่าอะะไรควรทำไม่ควรทำ ต้องมีองค์ประกอบหลายด้าน เช่น คริสตจักรเปิดโอกาสให้พัฒนา และตัว ผู้นำคริสตจักรเอง ก็สนิทสนมกับพระเจ้า อีกทั้งรับการฝึกฝน จนสามารถฝึกฝึนผู้อื่นต่อไปได้ และเป็นงานของผู้นำด้วย(อฟ4:11) สาม การอบรมสมาชิกของผุ้นำ อยากใช้คำว่า อยู่กับโมเสสได้ข้ามทะเลแดง อยู่กับ ดาวิดได้ฆ่ายักษ์ แต่ปัจจุบัน เรามีนักวิชาการที่ไม่มีประสบการณ์ สอนกันมาก และคริสตจักรไม่เปิดประตูให้ฝึก อีกทั้งเรามานั่งถกเถียงการเรื่อง เจิมไม่เจิม ใช่ไม่ใช่ ไม่มีการเริ่มสักที อนากให้อ่าน ในเวปwww.james7.org หัวข้อ จะพัฒนาของประทานไปสู่พันธกรทั้งห้าได้อย่างไร และฟังคำเทศนาของแรนดีคลาส ครับ แล้วจะเข้าใจ พระเจ้าอวยพรครับ

    ตอบลบ