วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

หมวดเยียวยาปลดปล่อย-ตอนที่ 2 การจัดการกับบาดแผล

หมวดเยียวยาปลดปล่อย ตอนการจัดการกับบาดแผล


เราจะยอมให้บาดแผลมีอิทธิพลต่อชีวิตของเราหรือ ชีวิตของเราทุกคนต้องการเป็นคนที่มีชัยชนะ เราต้องการที่จะอยู่อย่างมีความสุขสงบกับทุกคน อยากเป็นคนปกติทั่วไปที่ชื่นชมกับชีวิต มีความภาคภูมิใจ มีความอบอุ่นกับครอบครัว และสนุกสนานกับงาน แต่ว่าบาดแผลเป็นตัวขัดขวางสิ่งเหล่านี้ และผลที่เกิดขึ้นคือการทำลายมากกว่าความสุข ทำให้สูญเสียมากกว่าได้รับ เราต้องตัดสินใจสู้กับมันดีกว่าให้มันครอบงำเรา


เรามีชีวิตเพื่ออนาคต เราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราเลือกจบดีได้ เราไม่อาจปฎิเสธบาดแผลที่เกิดขึ้นกับเรา แต่เราสามารถขจัดมันออกไปและปล้ำสู้กับมันเพื่อสิ่งใหม่ที่ดีกว่าได้ เพราะเราจะไม่จมอยู่กับบาดแผลนั้น ๆ สิ่งสำคัญที่สุด คือ


ประการแรก เราจะไม่เอาบาดแผลมาเป็นข้ออ้าง เพื่อปล่อยให้เราใช้ชีวิตไปเลยตามเลย เราจะสู้กับมัน ยอมเปลี่ยนตัวเองแม้ต้องฝืน เหมือนกับคนที่เดินไม่ได้มาหลายปี เขาต้องฝึกกายภาพบำบัด ฝึกการเดินใหม่ เขาต้องปล้ำสู้ต้องฝืนกับการไม่ได้เดินมานาน ต้องทนเจ็บต้องมีใจเด็ดเดี่ยวและก้าวเดินไป เมื่อเรารู้ว่ามีเหตุการณ์ใดที่นำเราไปสู่พฤติกรรมซ้ำรอยเดิม เราจะสู้เราต้องฝืนไม่คิดไม่ทำไม่คล้อยตามเด็ดขาด จนเป็นธรรมชาติใหม่ของเรา


ประการต่อมา เราต้องเลือกที่จะลุกขึ้นใหม่ คนลุกขึ้นใหม่ด้วยสภาพตุปัดตุเป๋ ย่อมดีกว่าคนยอมนอนตายคาสภาพที่พ่ายแพ้ ก็เหมือนกับนักมวยที่เขาตั้งใจจะชนะให้ได้ แม้โดนน็อกครั้งแล้วครั้งเล่าบนเวที แต่ถ้ายังมียกต่อไปให้แก้ตัว เขาก็จะลุกขึ้นมาสู้ เพราะเขาต้องชนะให้ได้ แต่เราทุกคนมีตั้งหลายยกให้ต่อสู้ทั้งชีวิตนะครับ ในเมื่อล้มไปแล้วขอให้กล้าที่จะลุกขึ้นสู้กับมันใหม่


ประการนี้สำคัญ คือ การให้กำลังใจตัวเอง จำไว้ว่าเราเกิดมาเพื่อเปลี่ยน ทุกวันนี้รอบข้างเรามีแต่การเปลี่ยนแปลง อดีตเปลี่ยนไปแล้ว บาดแผลในวันนั้นเราจะไม่ให้มามีผลต่อเราในวันนี้ เพราะเราจะร่วมเปลี่ยนแปลงไปกับโลกที่พระเจ้าสร้างสรรค์ขึ้นมา ก็เหมือนกับคนก่อปราสาทอันยิ่งใหญ่ท่ามกลางที่ดินอันรกร้างว่างเปล่า เขามีนิมิตว่าวันหนึ่งสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นปราสาท แต่ต้องเริ่มต้นจากอิฐก้อนแรกก่อนครับ เมื่อเริ่มจากอิฐก้อนแรกที่ตรากตรำ ผ่านฝน ผ่านความร้อน ก็จะกลายมาเป็นปราสาทที่ร่มเย็นได้ เพราะถ้าหากเราเปลี่ยนคนรอบข้างก็จะเปลี่ยน


ประการสุดท้าย คือ กล้าเปลี่ยนแปลงนิสัยใหม่เหมือนนักเล่นกล้าม เขาฝึกเล่นกล้ามจนกล้ามเนื้อแข็งแรงและมีรูปร่างใหม่ แต่ต้องผ่านความเจ็บปวดท่ามกลางความหวัง การมีวินัย ความพยายาม และท่ามกลางความฝันว่าสักวันเขาจะเปลี่ยนแปลงร่างกายเขาได้ เขาควบคุมมันจนอยู่มือ และสำเร็จในที่สุด เราจะเปลี่ยนโดยการสร้างนิสัยฝืน ไม่ทำแบบเก่าที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน และทำให้เราแย่ไปกับนิสัยนั้น จงปล้ำสู้ มีความใฝ่ฝัน มีนิมิตว่าเราจะเปลี่ยนและเราควรเปลี่ยน เพราะเราสามารถเปลี่ยนได้ เพราะทั้งหมดอยู่ที่เรา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น