วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

เนื้อเพลงนมัสการ-In Christ alone

In Christ Alone




In Christ alone my hope is found
He is my light, my strength, my song
This Cornerstone, this solid ground
Firm through the fiercest drought and storm
What heights of love, what depths of peace
When fears are stilled, when strivings cease
My Comforter, my All in All
Here in the love of Christ I stand

In Christ alone, who took on flesh
Fullness of God in helpless babe
This gift of love and righteousness
Scorned by the ones He came to save
'Till on that cross as Jesus died
The wrath of God was satisfied
For every sin on Him was laid
Here in the death of Christ I live

There in the ground His body lay
Light of the world by darkness slain
Then bursting forth in glorious Day
Up from the grave He rose again
And as He stands in victory
Sin's curse has lost it's grip on me
For I am His and He is mine
Brought with the precious blood of Christ

No guilt in life, no fear in death
This is the power of Christ in me
From life's first cry to final breath
Jesus commands my destiny
No power of hell, no scheme of man
Can ever pluck me from His hand
'Till He returns or calls me home
Here in the power of Christ I'll stand

วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553

วันก่อนอีสเตอร์



วันก่อนอีสเตอร์

วันที่ 4 เมษายน 2010 จะเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง คือ วันอิสเตอร์ หรือวันที่พระเยซูคริสต์ฟื้นขึ้นมาจากความตาย หากคุณอยู่ในเหตุการณ์ในสัปดาห์สิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ (เรียกว่าวันศุกร์ประเสริฐ คริสตจักรทั้งหลายก็จะมีการรำลึกถึงวันสิ้นพระชมน์ของพระเยซูคริสต์ และมีพิธีมหาสนิท ในการประชุมกลางคืนพิเศษ) ในโอกาสนี้ผมอยากจะลำดับเหตุการณ์ทั้งหมด เริ่มจากวันนี้เป็นวันที่ 1 ของสัปดาห์การฟื้นพระชนม์มาให้ท่านได้สัมผัสกันนะครับ

วันที่ 1 ของสัปดาห์เปรียบเสมือน (วันอาทิตย์ ที่ 28 มีนาคม 2010) หรือ เรียกว่าปาล์ม ซันเดย์ เพราะพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างมีชัยชนะเพื่อร่วมพีธีปัสคา

จะอ่านได้ในพระธรรม มธ.21:1-11 เหตุที่เรียกว่าปาล์ม ซันเดย์ เพราะเป็นช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่พระองค์จะถูกตรึงที่กางเขนเป็นช่วงปลายเดือนมีนาคม อยากจะอธิบายถึงเทศกาลปัสคาสักหน่อย เทศกาลปัสคาเป็นเทศกาลที่ระลึกถึงอิสราเอลเดินทางออกจากอียิปต์หลังเป็นทาส 400 ปี เมื่อพระคริสต์ทรงเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม ประชาชนได้ใช้ต้นปาล์มโบกต้อนรับซึ่งต้นปาล์มเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะเมื่อจอมทัพไปรบชนะกลับมา มีประชาชน ถือต้นปาล์ม มาต้อนรับขบวนทัพ

วันที่ 2 คือ หากเป็นสมัยของเรา เปรียบเสมือนวันจันทร์ (29 มีนาคม พระคริสต์ทรงคว่ำโต๊ะ ขับไล่ผู้ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงิน

วันที่ 3 วันอังคาร (30มีนาคม) พระองค์เผชิญหน้ากับผู้นำทางศาสนาและกล่าวอุปมาต่าง ๆ และวันนี้เองผู้นำทางศาสนา และพวกยิวชุมนุมกันเพื่อวางแผนกำจัดพระองค์

วันที่ 4-5วันพุธ (31มีนาคม) พระเยซูทรงสั่งสอนประชาชนอีก และวันพฤหัสกลางคืน (1 เมษายน)พระคริสต์ร่วมพิธีมหาสนิทกับสาวกพระองค์ล้างเท้าพวกเขา

จนรุ่งเช้าของวันศุกร์ (2เมษายน) ยูดาสพร้อมทหารมาจับกุมพระเยซู และทรงถูกนำไปไต่สวน เปโตรปฏิเสธพระองค์ ยูดาสสุดท้ายกลับใจ และการตัดสินเหตุการณ์ดำเนินไปจน 15.00น พระคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์ ถูกนำไปฝังไว้ในอุโมงค์ จนเลยไปอีกหนึ่งวันหนึ่งคืน (รวมสองวัน คือ คืนวันศุกร์ คืนวันเสาร์ (3เมษายน) เช้าวันอาทิตย์ (4เมษายน) คือวันอาทิตย์หน้ารุ่งเช้าพระคริสต์ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย เราจึงจัดวันศุกร์ประเสริฐ และเช้าวันอีสเตอร์คือวันอาทิตน์หน้านี้เอง ยังมีเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับเทศกาลอีสเตอร์ คือ

สัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น
1. ไม้กางเขน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ชัยชนะเหนือความตายของพระคริสต์

2. แกะ เล็งถึงพระเยซูเป็นลูกแกะปัสคาของพระเจ้า

3. โลหิต ที่ไหลของพระคริสต์ สามารถลบล้างมลทินบาป จากอดีต ปัจจุบัน อนาคต และลบล้างพระอาชญาทั้งสิ้นของท่านได้ จงอย่ากลัวเกรงสิ่งใด เพราะการเยียวยา ฤทธิอำนาจแห่งพระโลหิต และการถูกตรึงที่กางเขน ได้เป็นพระสัญญา สัญลักษณ์ว่าท่านรอดพ้นจากบาป เวรกรรมและจะมีอะไรเกิดขึ้น อีกในภายข้างหน้า พระโลหิตกับกางเขนจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ท่านรู้ว่าการช่วยกู้ของพระองค์ที่มีต่อท่านนั้นสำเร็จแล้ว (1ยน1;9)


4. ไข่ หมายถึง ชีวิตใหม่ และกระต่าย เด็ก ๆ มีความเชื่อว่ากระต่ายเป็นผู้นำไข่อีสเตอร์มา และท้ายนี้ขอพระเจ้าอวยพรและเข้าใจในสัปดาห์สุดท้ายของชีวิตพระคริสต์ที่อยู่ในโลกนี้ก่อน สิ้นพระชมน์ ในรูปกาย เนื้อหนังครับ ในเทศกาลอีสเตอร์ครับ


วันอีสเตอร์ยิ่งใหญ่เท่าวันคริสตมาสอย่างไร



วันอีสเตอร์ยิ่งใหญ่เท่าวันคริสตมาสอย่างไร ?

วันที่ 4 เมษายน 2010 ของปีนี้ ผมเข้าใจว่าเป็นวันอีสเตอร์ หรือวันที่พระเยซูคริสต์ฟื้นคืนพระชนม์ เป็นวันสำคัญครับ เพราะหากไม่มีการฟื้นขึ้นจากความตายของพระคริสต์ การสอน ความเชื่อ หรือสิ่งที่เราเป็น เราทำทั้งหมด จะเหมือนคนบ้า หรือคลั่งไคล้ศาสนาหนึ่ง ที่เชื่อในพระเจ้าที่ไม่มีตัวตนและไม่มีชีวิต ไม่มีหลัก เป็นเรื่องลม ๆ แล้ง ๆไปเลย

หลายท่านตื่นเต้นเมื่อเทศกาลคริสตมาสมาบรรจบอีกครั้งในแต่ละปี แต่ที่น่าสังเกตุก็คือทำไมไม่มีใครตื่นเต้น เฉลิมฉลองในเทศกาลอีสเตอร์ มันมีคุณค่าอย่างไรครับ

คุณลองคิดดูซิว่า หากไม่มีวันศุกร์ประเสริฐ ศุกร์ที่พระเยซูถูกตรึงที่กางเขน รับความบาปผิดของคนทั้งโลกไป ยอมเจ็บปวดทรมานกายของพระองค์เพื่อรักษาให้ความเจ็บป่วยด้านจิตใจ จิตวิญญาณ และร่างกายของเราให้หายดี เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ถูกฝังไว้ในอุโมงค์แล้ว ในวันที่ 3 คือเช้ารุ่งอรุณวันอาทิตย์ พระองค์ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย ทำให้เรายิ่งมั่นใจในชัยชนะของพระองค์ ว่าพระองค์ทรงชนะความตาย ชนะความบาป เราเชื่อพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่มีชีวิตอยู่จริง ๆ ไม่ใช่พระเจ้าที่ตายแล้ว

นี่ไงครับ เหตุผลที่ว่าวันอีสเตอร์สำคัญเท่า ๆ กับวันคริสตมาส อยากให้เรามีการแสดงความชื่นชมยินดีให้แก่กันและกัน เช่น มอบของขวัญ ส่งการ์ดอวยพร หนุนใจแก่พี่น้อง เพื่อแสดงความยินดีในชัยชนะของพระองค์และในชีวิตของเรา เพื่อหนุนใจให้มั่นคงในความเชื่อตลอดไป ย้ำเตือนให้รู้ว่าพระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่จริง ไม่ใช่พระเจ้าที่ตายแล้ว

แล้วท่านจะเสียใจ มีความวิตกกังวล ความกลัวอยู่อีกทำไม แม้มารซาตานความตาย พระคริสต์ทรงชนะแล้ว กะอีแค่เรื่องปัญหาใหญ่โตของเรา มันยังไม่ถึงกับตายหรอกครับ ในสายพระเนตรพระเจ้ามันเล็กนิดเดียว สัปดาห์หน้ามาคุยกันต่อในรายละเอียดว่าแต่ละวันตั้งแต่วันวันอาทิตย์หนึ่งสัปดาห์ที่พระคริสต์สิ้นพระชมน์ มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น และความหมายของลักษณะต่างๆ ในวันอีสเตอร์ จะบอกถึงในบทต่อไปครับ

‘ถ้าพระคริสต์มิได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา การเทศนาของเรานั้นก็ไม่มีหลัก ทั้งความเชื่อของท่านทั้งหลายก็ไม่ มีหลักด้วย และก็จะปรากฏว่าเราอ้างพยานเท็จในเรื่องพระเจ้า เพราะเราอ้างพยานว่าพระองค์ได้ทรงชุบพระคริสต์ให้เป็นขึ้นมา แต่ถ้าคนตายไม่ถูกทรงชุบให้เป็นขึ้นมาแล้ว พระองค์ก็ไม่ได้ทรงชุบพระคริสต์ให้เป็นขึ้นมา เพราะว่าถ้าการชุบให้เป็นขึ้นมาไม่มี พระคริสต์ก็ไม่ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา และถ้าพระคริสต์ไม่ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์ ท่านก็ยังตกอยู่ในบาปของตน เพราะมนุษย์ผู้หนึ่งเป็นเหตุฉันนั้น และคนทั้งหลายที่ล่วงหลับในพระคริสต์ก็พินาศไปด้วย ถ้าในชีวิตนี้ พวกเราซึ่งอยู่ในพระคริสต์มีแต่ความหวังเท่านั้น เราก็เป็นพวกที่น่าสังเวชที่สุดในบรรดาคนทั้งปวง แต่ความจริงพระคริสต์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และทรงเป็นผลแรกในพวกคนทั้งหลายที่ได้ล่วงหลับไปแล้วนั้น เพราะว่าความตายได้อุบัติขึ้น เพราะมนุษย์คนหนึ่งเป็นเหตุฉันใด การเป็นขึ้นมาจากความตายก็ได้อุบัติขึ้น 1โครินธ์ 15;14-21





วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2553

โรคทรมานตัวเอง ตอน วิธีช่วย เหลือ คนเป็นโรค ทรมานตัวเอง masochism

โรคทรมานตัวเอง ตอน วิธีช่วย เหลือ คนเป็นโรค ทรมานตัวเอง masochism

พวกเราบางคนก็อาจเป็นโรคมาโซคิสม์ masochism โดยไม่รู้ตัว บางคนเป็นแบบอ่อน ๆ บางคนเป็นแบบอาการมาก ๆ และมักไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคชนิดนี้

ทำความเข้าใจก่อนนะครับ ว่ามาโซคิสซ์ คือ การทรมานตัวเอง แต่ซาดิสม์ เป็นการทรมานผู้อื่น ตอนนี้เราจะมาดูอาการว่าใครจะมีอ่อนหรือมาก เช่น บางคนชอบอ่านนิยายเศร้าสะเทือนใจ บางทีก็ลดความอ้วนอยู่นั่นแหล่ะ จนไม่รู้จะลดอะไรแล้ว หรือกินอาหารมาก ๆ ตามใจปากแล้วก็กลับมาทรมาน ลดอดอาหารแบบทรมานตัวเอง หรือบางคนไปหลงรัก ทำดีมาก ๆ ใฝ่ฝันกับคนบางคน ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้รักเรา หรือจินตนาการ โกหกตัวเองไปวัน ๆ บางคนถูกหลอกไปเป็นเดือน ๆยังได้และก็รู้ว่าตัวเองโดนหลอก แต่ก็ยอมเจ็บปวดกับมัน (ผู้ป่วยหรือเธอมีความสุขกับอารมณ์ หรืออาการนี้นะครับลึกๆ) หรือบางคนรอโทรศัพท์จากผู้ป่วย หรือเธอรออีเมล์ รอให้เขามาเห็นใจ สงสาร และทั้งที่หลายครั้งก็รู้ว่าความจริงมันเป็นไปไม่ได้ แต่เราก็ยังฝัน ทรมานตัวเองแบบนั้น เพราะมันเป็นความสุขอย่างหนึ่ง

สาเหตุของผู้เป็นโรคนี้ ส่วนใหญ่เป็นปมหรือบาดแผล มาตั้งแต่วัยเด็ก และระบบความคิดจิตใจ สร้างความคิดที่ว่าตนเองไม่เป็นที่ต้องการของใคร เขาช่างไร้ค่าไม่สมควรรับสิ่งดีๆ และมักชอบที่จะคบอยู่กับคนที่ทำร้าย พูดร้าย ๆ กับเขา โดยที่ตนเองไม่รู้ตัว

หากคนปกติ จะคิดว่ามันเสียทั้งเวลา เงิน อนาคต น่าจะอุทิศตัวถวาย เวลา อารมณ์ ความรู้สึกทั้งหมดให้พระเจ้าดีกว่า รอการจัดเตรียมของพระเจ้าในสิ่งที่ดี ๆ จากพระองค์

วิธีช่วยเหลือคนเหล่านี้ เราต้องอธิบายว่ามันไม่ใช่ การทนทุกข์เพื่อพระเจ้า หรือการเสียสละ หรือรักเพื่อนบ้าน หรือเป็นการถูกเรียกมาเพื่อทนทุกข์เพื่อผู้อื่น แต่มันเป็นโรคชนิดหนึ่งที่ต้องรับการเยียวยา โดยมีขั้นตอน

ขั้นตอนที่หนึ่ง สอบถามว่าเป็นกรรมพันธุ์หรือเปล่า นำการอธิษฐานตัดความสัมพันธ์กับโรคนี้

ขั้นตอนที่สอง นำผู้ป่วยสารภาพบาปที่ทรมานตัวเอง ทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้เราดูแลวิหารพระองค์ และไม่ใช่ทรมานร่างกายจิตใจตัวเองเช่นนี้

ขั้นตอนที่สาม อธิษฐาน ประกาศตัดความสัมพันธ์ คำปฎิญาณ คำสัญญา ที่ผูกมัดตัวผู้ป่วย หรือ รายชื่อบุคคลที่ผู้ป่วยยอมทรมานตังเอง เพื่อจะมีความสุขกับอารมณ์นั้น

ขั้นตอนที่สี่ให้ผู้ทำพันธกิจอธิษฐานปลดปล่อย โรคนี้ออกจากผู้ป่วย วิญญาณแห่งความโศกเศร้า ให้ออกไป

ขั้นตอนที่ห้านำอธิษฐานมอบชีวิตให้กับพระเจ้า เพราะพระองค์สร้างท่านมาเพื่อจะมีความสุขไม่ใช่ความเศร้า

ขั้นตอนที่หกสำคัญมากที่สุด สร้างวินัยใหม่ให้ผู้ป่วยหาหนังสือให้ผู้ป่วยอ่าน ที่เกี่ยวกับวีรบุรุษที่ประสบความสำเร็จ ฟังเพลงดี ๆ อย่าฟังเพลงเศร้า ๆ หรือโรแมนติก เพลงที่นำสู่อารมณ์ลุ่มลึกใน ความทรมาน หรืออย่าอ่านนิยายที่เกี่ยวกับความเจ็บปวดทรมาน

ตรงนี้ทางเว็บบล็อกเคยแนะนำ อันนี้ไปอ่านในหมวดดนตรีกับการเยียวยา
อ่านพระธรรม สุภาษิตมาก ๆ หรือพระธรรมเอเฟซัส ยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า

ส่วนที่สำคัญให้ผู้ป่วยเลือกที่จะรักตัวเอง “จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของเจ้า ด้วยสุดกำลังและสิ้นสุดความคิดของเจ้า และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” (ลก.10:27)

จำไว้รักตนเอง อาการโรคนี้รักเพื่อนบ้าน แต่กลับไม่รักตนเอง นัดพบและทำตามขั้นตอนหก ขั้นตอนบ่อย ๆ เพราะมันมีอาการมาตั้งแต่เกิด จะให้ทำครั้งเดียวหายไม่ได้ สำหรับบางราย จำเป็นต้องให้หมอช่วย เพราะอาการหนักจนนอนไม่หลับ ไม่อยากนอน เกินกำลังของเราเองก็ต้องปรึกษาหมอครับ

โรคทรมานตัวเอง ตอน คุณชอบทรมานจิตใจตัวเองหรือไม่?

โรคทรมานตัวเอง ตอน คุณชอบทรมานจิตใจตัวเองหรือไม่?

เดี๋ยวนี้ผมจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับการเยียวยาตัวเองสัปดาห์ละบทครับ เพราะผมได้เขียน บล็อกอีกสามบล็อก โดยแบ่งหมวดชัดเจนไปเลย เช่น การเยียวยาตัวเอง คือ บล็อกนี้ และ แนวความคิดการสร้างผู้นำ ศตที่ 20 ของคริสเตียน อยู่ใน http://i-leadership.blogspot.com/ และการพัฒนาความคิด จิตวิญญาณก็อยู่ใน http://b-bettermind.blogspot.com/ ส่วนเรื่องของหนุ่มสาวในเรื่องความรัก ความเหงา และเพื่อน คู่ครอง การแก้ปัญหาความเหงา การเป็นเพื่อนตัวเอง สารพัด บทความ ที่เป็นเพื่อนทุกวัยอยู่ใน http://www.sharewisdoms.blogspot.com/ และผมยัง ได้เขียน บทความลงในเว็บเพื่อการดำเนินชีวิตคริสเตียนที่สมดุลย์ ใน เว็บ http://www.james7.org/

ดังนั้น แต่ละสัปดาห์ผมก็จะเขียนลง 5 เว็บบล็อก บล็อกละหนึ่งถึงสองเรื่อง ตามแต่เวลาที่มีนะครับ เพราะปีนี้ผมรับงานเยอะจริง ๆ เดินทางมาก บางเรื่องเขียนบนเครื่องบิน หรือที่สนามบิน บางเรื่องเขียนตอนตีสามตีสี่ แล้วแต่เวลาจะสะดวก แต่ยังไรก็ขอขอบคุณเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ทีมงานที่ช่วย ๆ กันสร้างสรรค์งานนี้ขึ้นมา

อยากหนุนใจ ให้ท่านคลิ๊กโฆษณา ครั้งเดียวก็พอนะครับ อ่านบ้างที่มีประโยชน์ เพื่อเครดิตของเว็บบล็อกที่เขียน และสมัครเป็นผู้ติดตาม เพื่อท่านก็จะได้รับบทความ ไปยังเมล์ของท่านเมื่อมีการ อัพเดททุกครั้ง แต่เมล์ของท่านต้องเป็น gmail, yahoo นะครับ

อีกอย่างหนึ่งผมอยากให้เราเป็นสังคมที่แบ่งปัน เพราะผมรู้มาว่าทุกท่านที่เป็นสมาชิกติดตามบล็อก ของเรา มาจากหลายจังหวัด หรือหลายคริสตจักร เราเปรียบเสมือนพี่น้องกันในอาณาจักรของพระเจ้า หากท่านมีข้อมูล ความรู้เพิ่มเติม ก็เขียนคอมเม้นท์ อธิบาย หรือเล่าประสบการณ์ในแต่ละเรื่องให้ผู้อื่นได้อ่าน อันนี้สำคัญมาก เรามาสร้างสังคัมแห่งการเยียวยาแก่กันและกันนะครับ

เอาละวันนี้จะคุยเรื่องโรคทรมานตัวเอง ในการให้คำปรึกษา สิ่งที่เห็นบ่อย ๆ มักจะเป็นเรื่องของคนบางคน ยอมทนทุกข์ และไม่ยอมที่จะหลุดออกจากความทุกข์นั้น แถมยังหมกมุ่นกับความคิดที่ทนทุกข์นั้น จนกลายเป็นความสุขที่ได้หมกมุ่นไปเลย

ผมจะเล่าเรื่องเด็กสาวคนหนึ่ง เธอพบว่าแฟนของเธอมีกิ๊ก หรือนอกใจเธอ และเธอก็ยินยอมที่จะรัก ชายคนรักต่อไป ทั้งที่ทรมานเจ็บปวด และความลับก็แตกบ่อย ๆ เพราะเธอจับได้ว่าแฟนหนุ่มของเธอไปมีความสัมพันธ์กับหญิงคนอื่น แถมยังให้เธอรู้ และผู้ชายรู้ว่าเธอก็ยอมด้วย ทั้งที่อีกใจก็หวง ทุกข์ใจ แม้บางครั้งเธอก็จับได้คาหนังคาเขา แต่เธอก็ยังรู้สึกรักเขา แม้ต้องเจ็บปวด เมื่อรู้ว่าแฟนหนุ่มของเธอ มีนิสัยเจ้าชู้

ผมเชื่อว่าหลายคนคงเคยพบคนประเภทนี้ ที่ยอมทนทุกข์ เพื่อจะรักและไม่ยอมที่จะปล่อยความทุกข์นั้นไป ท่านอาจแนะนำหลากหลายวิธี สุดท้ายคนนั้นก็เลือกกลับไปทางเดิม เหมือนกัน เมื่อฟังเรื่องราวแบบนี้ ผมจึงถามเธอว่า อยากเลิกไหม มีวิธีเด็ดขาด แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ รวมทั้งให้เหตุผล มากมายตามประสาผู้ให้คำปรึกษา แต่เธอกลับบอกว่าไม่อยากเลิก อยู่แบบนี้ก็มีความสุข เพราะรักเขา ไม่เป็นไรเธอยอมได้ แม้ต้องทนทุกข์แบบนี้

อาการของเด็กคนนี้เรียกว่าโรค มาโซคิสม์ masochism คือ ยิ่งรับความเจ็บปวดทรมาน แก่ตัวเอง มากเท่าไหร่ ยิ่งมีความสุข เหมือนบางคน ที่หลงรักหรือถูกปฎิเสธ หรือถูกทำให้เจ็บปวด ก็ยังคงปักใจที่จะรักและรอคอย ทั้งที่อีกฝ่ายอาจทำสิ่งที่แย่ ๆ ให้แก่ผู้ป่วยหรือเธอ แต่เธอก็ยินดีอยู่ในความทุกข์ แต่ในขณะเดียวกัน เธอมีความสุขที่ได้รัก ทนทุกข์เพื่อชายคนนั้น

สรุปอีกครั้ง ก็คือ ยิ่งเจ็บปวดยิ่งมีความสุข แต่ว่ามาโซคิสม์ Masochism เป็นอาการตรงข้ามกับซาดิสม์นะครับ เพราะซาดิสม์ sadism คืออาการที่มีความสุขเวลาเห็นคนอื่นเจ็บปวด

วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2553

การบำบัดเยียวยามี หลายวิธี ตอนที่ 4 กุญแจ ที่จะนำสู่ การมีเสรีภาพ

การบำบัดเยียวยามี หลายวิธี ตอนที่ 4 กุญแจ ที่จะนำสู่ การมีเสรีภาพ

ปัญหาที่เราพบตั้งแต่เกิดจนถึงเวลานี้แต่ละคนไม่เหมือนกัน ภูมิป้องกันด้านความแข็งแกร่งของจิตใจแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน

บางคนต้องเอาเรื่องใหม่ คิดใหม่มาแทนความคิดเก่า อารมณ์เก่า ฟังดูง่าย ๆ แต่ บางคนก็ช่างยากเหลือเกิน
บางคน ต้อง กลับไประบายอารมณ์เก่า ๆ ในห้องน้ำ ที่บ้านกับตัวเอง หรือ ระบายโดยการเขียนๆๆ แล้วฉีกมันทิ้ง หรือหาเพื่อนสนิทสักคนที่เชื่อใจได้

บางคนหากมีความเข้าใจ คิดเป็น คิดได้หลายมุม เห็นพรและมุมมองของปัญหาที่ทำให้เราแข็งแกร่ง วันนี้เปลี่ยนเลย

บางคนก็ต้องช่วยเหลือแบบผสมผสาน หาความบันเทิง ชอปปิ้ง โทรศัทพ์หาเพื่อนคุย หาหนังสือดี ๆ อ่าน พบเพื่อนที่ผ่านประสบการณ์นี้มาก่อน และช่วยหนุนใจได้ก็ดีทีเดียว

แต่ หากพี่น้องบางคนไม่หาย อาการหนัก สำหรับผมใช้สามขั้นตอนครับ ในกลุ่มพันธกิจแม่น้ำจะใช้ขั้นตอนแรก คือ การเจิม จากนั้นก็แบบ Encounter (คือ นำอธิษฐานภาพรวม เผชิญหน้ากับพระเจ้า สารภาพ ประกาศตัดสัมพันธิ์ หรือการยกโทษ และหากยังไม่ดีก็ทำการอธิษฐานด้วยการเยียวยา หรือคนไทยเรียนว่าบำบัดภายใน (หมายความว่าคน ๆ นี้ ต้องมีราก ระดับลึกมาก เพราะทำแบบที่หนึ่งกับสองมาเป็นปีแต่ไม่ดีขึ้น )

แต่ตอนนี้อยากบอกเคล็ดลับสำคัญ สำหรับผู้ที่เป็นคริสเตียน แต่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสทั้งสามขบวนการ นั่นคือ ทำส่วนตัวก่อน คือการ ยกโทษ นำไปที่กางเขน และ สารภาพบาป พึ่งพระโลหิต และพระคำ ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต และสุดท้าย พระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่ทรงช่วย ในการมีชีวิตใหม่

หนึ่ง การยกโทษ เมื่อท่านเผชิญกับเหตุการณ์ที่รับการทรงจำจากอดีตที่ผุดขึ้นมา หรือพึ่งเผชิญคำพูด ท่าทาง ที่สร้างอารมณ์ คุณเข้าไปที่ในห้องน้ำเลยครับ ระบายอารมณ์ ออกมาให้พระเจ้าฟัง จากนั้นประกาศการยกโทษ และนำคำพูด การกระทำของเขานั้นไปตรึงที่ไม้กางเขนของพระคริสต์เสียดีกว่า เพราะกางเขนเป็นที่รับความบาปทั้งหมดของมวลมนุษย์ เพราะท่านยกโทษให้เขา ก็เท่ากับท่านมีชัยชนะเหนือตัวเองและเขาได้ เพราะการกระทำของเขา ไม่สามารถมีอิทธิพลควบคุมท่านได้ครับ ทำบ่อย ๆ อย่าท้อ

สอง สารภาพบาป เพราะความโกรธ หรือปัญหาเจาะจงที่เราเจอนั้น ที่นำไปสู่ความขมขื่น และมันจะนำไปสู่การคิดร้าย อีกทั้งความโกรธ ความขมขื่น ปิดกั้นพระพร พระสัญญาจากพระเจ้า หลังจากประกาศการยกโทษแล้ว เราก็สารภาพบาปของเรา ขอพระโลหิตพระเยซูชำระใจเรา โลหิต พระองค์ลบล้างคำพูดต่าง ๆ จากสมอง ที่เราได้รับจากคนที่ทำร้ายเรา ทำบ่อย ๆ อย่าถอดใจก่อน ฤทธิ์อำนาจของพระองค์จะช่วยท่านผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์

สามพระคำ เอาของเก่าออกก็ต้องใส่ของใหม่เข้าไป เหมือนพระเยซูเล่าว่าผีถูกไล่จากบ้านไปแล้ว เราทำความสะอาด แต่ว่างเปล่าไม่ให้เจ้าของคนใหม่เข้ามาอยู่ ต่อมามันก็พาอีกสิบตัวเข้ามา เพราะเหมือนทำความสะอาดรอมันอยู่ ดังนั้นวินัยใหม่ คือ เอาพระคำสะสม เพื่อจะต่อสู้กับปัญหา คำพูด การกระทำของคนที่ละเมิดต่อเราครับ ง่าย ๆ ทำบ่อย ๆ
และอย่าลืมเพื่อนคริสเตียนที่เข็มแข็งกว่าเรา โทรคุย ติดต่อหนุนใจกันและกัน พลังแห่งความรักของเพื่อนดี ๆ จะทำให้เรารู้ว่ามีคนทำผิดกับเรา ก็มีคนที่รักเรามากมาย อย่าลืมพวกเขาครับ

สี่ วินัยในการดำเนินชีวิตใหม่ ท่านต้องเลือกที่จะ มีชีวิตใหม่ คิดแบบใหม่ อ่านหนังสือ วรรณกรรม เพลงที่ฟัง พบผู้ให้คำปรึกษา สม่ำเสมอ เลือกที่จะอยู่เปลี่ยน เพื่อจะชนะและรับการอธิษฐานทั้งแบบอวยพร ตัดความสัมพันธ์กับอดีต ยึดพระคำ รับการวางมืออธิษฐาน เจิม เพื่อจะได้รับการเยียวยา รื้อฟื้น การกลับใจ และหลงรักพระเยซูใหม่ การนมัสการส่วนตัว อธิษฐาน ในพระวิญญาณฯ ทั้งหมดเป็นเรื่องการตัดสินใจทั้งสิ้น

วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553

การบำบัดเยียวยามีหลายวิธี ตอนที่ 3 วิธีไหนดีที่สุด

การบำบัดเยียวยามีหลายวิธี ตอนที่ 3 วิธีไหนดีที่สุด


สำหรับผมศึกษาและอบรมทั้งสามวิธีครับ ในช่วง เวลาที่ผ่านมา ผมขอบอกว่าไม่มีวิธีไหนดีที่สุด แต่อยู่ที่ว่าปัญหาของแต่ละคนที่เราช่วยเหลือนั้น เขาเหมาะกับวิธีไหน เป้าหมายของเรา น่าจะคำนึงที่สุด คือ คนป่วยหาย ไม่ใช่ คิดว่าเราชอบหรือไม่เห็นด้วย กับวิธีไหน

เพราะแบบแรก ใช้วิธีการให้คำปรึกษา ถ้าไม่ดีขึ้น ผมก็ใช้ แบบที่สอง มีการจัดประชุม ในคืนวันศุกร์ และโดยการใช้ดนตรี นมัสการ หรือ Soaking การแช่ ในการทรงสถิต และการ อธิษฐาน บำบัด เยียวยา ปลดปล่อย การเจิมด้วย ๆ การวางมือ และเป็นการเพิ่มกระตุ้น ความรัก รื้อฟื้นความสัมพันธ์กัพระเจ้าใหม่ หรือนำการกลับใจ หรือให้มีกำลังใหม่ โดยให้ ฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำงานในคนนั้น ให้สดใหม่ขึ้นอีกครั้ง เพื่อการเปลี่ยนแปลงใหม่ของผู้มาร่วมเอง

หากยังไม่ดีก็ทำพร้อมกันไปโดย แบบที่สาม คือ การเผชิญหน้ากับพระเจ้า โดยการเรียนทีละหัวข้อ และนำอธิษฐานจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ทีละเรื่องเป็นกลุ่มใหญ่ หรือเรียกอีกแบบหนึ่ง คือ Encounter แต่ยังไม่ดีเลย เมื่อเวลาผ่านไป เพราะปัญหา บางคนลึกมาก กว่าใครจะเข้าใจ เราก็จะทำเป็นการส่วนตัวคือ การให้คำปรึกษาด้วยการอธิษฐาน

ประเด็นนี้ครับ จนกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันไปเลย เพราะเมื่อใครได้ยินคำว่า การให้คำปรึกษาด้วยการอธิษฐาน แต่ถูกเรียกเป็นบำบัดภายใน ดูน่ากลัวไปเลย แท้จริงงานการให้คำปรึกษาด้วย การอธิษฐาน ก็จะประกอบไปด้วย การเจิมด้วยพระคัมภีร์ไบเบิล และการสร้างวินัยใหม่ การปล้ำสู้การเลือกวินัยใหม่ กับปัญหา ระบบความคิดและวิถีชีวิตใหม่ ครบวงจรครับ

สรุปคือ ผมทำทุกแบบ เป้าหมายเพื่อให้ผู้ป่วยหายครับ เพราะเราจะต้องดูว่าวิธีไหน เหมาะกับคนไหนและหากวิธีนี้ไม่หายก็ใช้อีกวิธี ขอให้ไม่ผิด จริยธรรม และพระวจนะของพระเจ้า ทำเถิดครับ สงสารสมาชิก ทีมงาน และลูกน้องของเรา

การบำบัดเยียวยามีหลายวิธี ตอนที่ 2 บำบัดภายใน จริง ๆ คืออะไร?

การบำบัดเยียวยามีหลายวิธี ตอนที่ 2 บำบัดภายในจริง ๆ คืออะไร?

จากการไปศึกษาอบรมที่อเมริกา ต้นตำรับตำราภาษาอังกฤษ วิชานี้ ชื่อวิชา Prayer Counseling ที่มีการเข้าใจผิดกันมากที่สุดและถูกต่อต้านจากคนไม่ชำนาญและไม่เคยเข้าสู่กระบวนการเรียนจนครบ และนำไปใช้ผิด ๆ จนกลายเป็นที่ต่อต้านมากที่สุด และใช้ศัพท์ เรียกวิชาแขนงนี้คือคำว่า “บำบัดภายใน” และผู้ที่จะทำงานพันธกิจนี้ก็จะต้องเคยผ่านการรับ การปรึกษา ผ่านการอธิษฐาน เยียวยา รับการดูแล ในวินัย ความคิดใหม่ ท่าทีแรงจูงใจใหม่ด้วย เป็นระยะเวลา สั้นยาว ตาม ที่ปัญหาระดับลึกแค่ไหนที่จะมี


หลายคนไปเรียกปลายเหตุ แค่คำว่าบำบัดภายใน (คือจัดการเรื่อง ในใจ ในอดีต) เพราะการทำงานด้วยวิธีนี้ จะประกอบไปด้วย การหารากของปัญหา (ภายใน สาเหตุต้นตอ ที่มา) และ การจัดการกับรากของปัญหานั้น เพื่อจะไม่ให้เกิดผลด้านอารมณ์ การประพฤติ ที่แสดงออก ทำความรำคาญใจและต่อสู้ในตัวเราเอง และนำการพ่ายแพ้ต่อตนเอง และคู่สมรส หรือ นิสัย บางอย่างเป็นเหตุให้ไม่สามารถเจริญก้าวหน้าในการทำงาน เพราะอดีตของคน ๆ นั้น

อาจมาจากการถูกสอนผิด การอยู่ในสังคมที่มีค่านิยมผิด การเลี้ยงดูในครอบครัวไม่ถูกต้อง หรือถูกล่วงเกิน จึงเกิดการสะสมปัญหาด้านอารมณ์ภายใน วิธีการให้คำปรึกษาด้วยการอธิษฐานนี้จะตามมาด้วยขบวนการถูกสร้างวินัยใหม่ด้วยการปล้ำสู้เลือกวิถีชีวิตใหม่ในแต่ละวัน แต่ว่าคนทั่วไป ที่เรียนไม่ครบและไม่เคยผ่ายประสบการณ์ที่ถูกต้อง นำบางส่วนมาพูด คือ บำบัดภายใน (พูดส่วนเดียว) จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นมาได้

คนที่จะทำพันธกิจด้านนี้ จึงควรมีประสบการณ์ การรับ การให้คำปรึกษา ช่วยเหลือมาก่อน และ เข้าใจวิธีการใช้ถ้อยคำแห่งความรู้ แห่งสติปัญหา และการสังเกตวิญญาณ การแก้ไข ระดับต่าง ๆ เพราะบางคนอาจต้องใช้ยาช่วย หากปัญหาเขาระดับลึก เช่น โรคลมบ้าหมู หรือโรคซึมเศร้า ระดับที่ลึกมาก

คนที่ทำงานด้านนี้ ต้องมีความอดทน ความรัก ทำงานเป็นทีมเป็น และรู้ขบวนการแก้ไข รับการฝึก มาอย่างดี เข้าใจหลักการ พระคัมภีร์ และ การหนุนใจ เป็นเพื่อน ที่จะให้กำลังใจใหม่ เคียงข้างผู้ที่รับการปรึกษาจากเรา และมีขบวนการสร้างวินัยใหม่ อย่างชัดเจน

ผู้ทำงานนี้ ต้องยืดหยุ่น ใจเย็น เพราะปัญหาบางอย่างซับซ้อนมาก หากเป็นไปได้ ควรมีทีมพี่เลี้ยงที่ให้การดูแล ให้กำลังใจ สถานที่ บรรยกาศ ที่อบอุ่น ให้ผู้ที่รับการรักษาได้รู้ว่ามีคนรักเขาและจริงใจจริง ๆ ครับ

การบำบัดเยียวยามีหลายวิธี ตอนที่1 ความหลากหลายของการบำบัดเยีวยาของคริสเตียน

การบำบัดเยียวยามีหลายวิธี ตอนที่1 ความหลากหลายของการบำบัดเยีวยาของคริสเตียน


ในวันนี้ผมอยากจะพูดถึงเรื่องการบำบัดเยียวยาของคริสเตียน ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า มนุษย์ทุกคนมีปัญหา สามเรื่องใหญ่ ๆ ก็คือ จิตใจ ความโลภ โกรธ หลง โศกเศร้า ผิดหวัง และจิตวิญญาณที่ไม่สามารถตื่นขึ้นมา หรือมีชีวิตชีวา หรือ ตายจากความสัมพันธ์กับตัวเอง หรือพระเจ้า หรือไม่เจริญเติบโต และสุดท้ายคือ ด้านร่างกาย ที่ผิดปกติจากโรคภัยไข้เจ็บ

ทั้งสามส่วนมีความสัมพันธ์กันหมด จากการพยายามศึกษาเรื่องการบำบัดเยียวยาของกลุ่มคริสเตียน ผมพอสรุปได้บ้างเท่าที่ตัวเองสนใจนะครับ ในการเยียวยารักษา โดยทั่วไปเราอาจใช้วิธีการคล้ายกันบ้าง หรือ ผสมผสาน หรือแตกต่างกันบางส่วนไปเลย แต่พอจะแยกได้ สี่วิธีการใหญ่ ๆ เช่น

แบบแรก ใช้วิธีการให้คำปรึกษา แบบที่สอง บางกลุ่มใช้วิธีการอธิษฐาน บำบัดปลดปล่อย เจิมด้วย ๆ การวางมือ และเป็นการเพิ่มกระตุ้นพลังฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำงานในคนนั้น ให้สดใหม่ขึ้นอีกครั้ง และแบบที่สาม คือ การเผชิญหน้ากับพระเจ้า โดยการเรียนทีละหัวข้อ โดยจัดเป็นค่ายสองสามวันและนำอธิษฐานจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ทีละเรื่องเป็นกลุ่มใหญ่ หรือเรียกอีกแบบหนึ่ง คือ Encounter และแบบที่สี่ Prayer Counseling หรือจะเรียกว่าการให้คำปรึกษาด้วยการอธิษฐาน ดูน่าจะถูกต้องนะครับ แต่หลายคนใช้ศัพท์ว่า บำบัดภายใน ดูน่ากลัวและน่าจะใช้คำที่รุนแรงไปหน่อย

แต่ตอนแรกนี้ผมอยากจะเอาตัวอย่างวิธีการบำบัดเยียวยาโดยการนำลิ้งค์ จาก สารานุกรมเสรี วิกิพิเดีย ซึ่งมีมากมายหลายวิธี ท่านไม่จำเป็นต้องอ่านทั้งหมด แต่ผมกำลังจะบอกว่า หากท่านไม่สนใจที่จะเยียวยาในวิธีการของคริสเตียน สมาชิกภายในโบสถ์ของท่านหรือทีมงานในองค์กรของท่านอาจจะหันไปใช้วิธีการเหล่านี้ ดูจะแย่กว่าเดิมนะครับ เพราะเขาก็จะไปแนวทางแบบอื่นๆ ที่โลกนี้มีและมอบให้แก่เขา ลองดูวิธีต่างๆเหล่านี้ นะครับ

วิธีการรักษาจากการแพทย์ตะวันตก การแพทย์ตะวันออกโดยเฉพาะจากจีน และการแพทย์ทางเลือก มีดังนี้:
- เพศบำบัด (sex therapy) ชอคบำบัด (shock therapy)
- อิเล็กโตรคอนวัลซีฟเธอราปี่ (electroconvulsive therapy) สแปงคิงเธอราปี่ (Spanking therapy)
- สพีชเธอราปี่ (speech therapy) ศัลยกรรม (surgery) ตุยนา (tui na)
- หนอนบำบัด (Maggot therapy) โพสเทอรัล อินทีเกรชั่น (postural integration)
- การฝังเข็ม (acupuncture) อะโกราเธอราปี่ (agoratherapy) กลิ่นหอมบำบัด (aromatherapy)
- ศิลปบำบัด (art therapy) สีบำบัด (colour therapy) รักษาด้วยผลึก (crystal healing)
- เภสัชบำบัด (drug therapy) กิจกรรมเธอราปี่ (diversional therapy) วารีบำบัด (hydrotherapy)
- ไฮเปอร์บาริกออกซิเจนเธอราปี่ (hyperbaric oxygen therapy)
- รักษาโดยกดภูมิคุ้มกัน (immunosuppressive therapy) แสงบำบัด (light therapy)
- แม่เหล็กบำบัด (magnet therapy) การนวด (massage therapy) เป็นวิธีที่ คนไทยนิยมที่สุด
- เทโซเธอราปี่ (mesotherapy) มอริตา (morita) มอกซิบัสชั่น (moxibustion)
- ดนตรีบำบัด (music therapy) นัยกัน (naikan) ธรรมชาติบำบัด (Naturopathic Medicine)
- อาชีพบำบัด (occupational therapy) เฟจเธอราปี่ (phage therapy)
- กายภาพบำบัด (physical therapy) หรือ (physiotherapy) หรือ (play therapy)
- จิตบำบัด (psychotherapy) ตัวอย่างเช่น
- คอกนิตีฟเธอราปี่(cognitive therapy),
- เกสตัลต์เธอราปี่ (Gestalt therapy),
- กลุ่มบำบัด (group therapy))
- รังสีบำบัด (radiation therapy) นันทนาการบำบัด (recreational therapy)
- กระบะทรายบำบัด (sand tray therapy)
(หมายเหตุ บทความตอนนี้ วิธีการบำบัดแบบต่างๆ ผมได้เอามา จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี เจ้าของบล็อกไม่ได้เขียนเองนะครับ)