วันอีสเตอร์ยิ่งใหญ่เท่าวันคริสตมาสอย่างไร ?
วันที่ 4 เมษายน 2010 ของปีนี้ ผมเข้าใจว่าเป็นวันอีสเตอร์ หรือวันที่พระเยซูคริสต์ฟื้นคืนพระชนม์ เป็นวันสำคัญครับ เพราะหากไม่มีการฟื้นขึ้นจากความตายของพระคริสต์ การสอน ความเชื่อ หรือสิ่งที่เราเป็น เราทำทั้งหมด จะเหมือนคนบ้า หรือคลั่งไคล้ศาสนาหนึ่ง ที่เชื่อในพระเจ้าที่ไม่มีตัวตนและไม่มีชีวิต ไม่มีหลัก เป็นเรื่องลม ๆ แล้ง ๆไปเลย
หลายท่านตื่นเต้นเมื่อเทศกาลคริสตมาสมาบรรจบอีกครั้งในแต่ละปี แต่ที่น่าสังเกตุก็คือทำไมไม่มีใครตื่นเต้น เฉลิมฉลองในเทศกาลอีสเตอร์ มันมีคุณค่าอย่างไรครับ
คุณลองคิดดูซิว่า หากไม่มีวันศุกร์ประเสริฐ ศุกร์ที่พระเยซูถูกตรึงที่กางเขน รับความบาปผิดของคนทั้งโลกไป ยอมเจ็บปวดทรมานกายของพระองค์เพื่อรักษาให้ความเจ็บป่วยด้านจิตใจ จิตวิญญาณ และร่างกายของเราให้หายดี เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ถูกฝังไว้ในอุโมงค์แล้ว ในวันที่ 3 คือเช้ารุ่งอรุณวันอาทิตย์ พระองค์ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย ทำให้เรายิ่งมั่นใจในชัยชนะของพระองค์ ว่าพระองค์ทรงชนะความตาย ชนะความบาป เราเชื่อพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่มีชีวิตอยู่จริง ๆ ไม่ใช่พระเจ้าที่ตายแล้ว
นี่ไงครับ เหตุผลที่ว่าวันอีสเตอร์สำคัญเท่า ๆ กับวันคริสตมาส อยากให้เรามีการแสดงความชื่นชมยินดีให้แก่กันและกัน เช่น มอบของขวัญ ส่งการ์ดอวยพร หนุนใจแก่พี่น้อง เพื่อแสดงความยินดีในชัยชนะของพระองค์และในชีวิตของเรา เพื่อหนุนใจให้มั่นคงในความเชื่อตลอดไป ย้ำเตือนให้รู้ว่าพระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่จริง ไม่ใช่พระเจ้าที่ตายแล้ว
แล้วท่านจะเสียใจ มีความวิตกกังวล ความกลัวอยู่อีกทำไม แม้มารซาตานความตาย พระคริสต์ทรงชนะแล้ว กะอีแค่เรื่องปัญหาใหญ่โตของเรา มันยังไม่ถึงกับตายหรอกครับ ในสายพระเนตรพระเจ้ามันเล็กนิดเดียว สัปดาห์หน้ามาคุยกันต่อในรายละเอียดว่าแต่ละวันตั้งแต่วันวันอาทิตย์หนึ่งสัปดาห์ที่พระคริสต์สิ้นพระชมน์ มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น และความหมายของลักษณะต่างๆ ในวันอีสเตอร์ จะบอกถึงในบทต่อไปครับ
‘ถ้าพระคริสต์มิได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา การเทศนาของเรานั้นก็ไม่มีหลัก ทั้งความเชื่อของท่านทั้งหลายก็ไม่ มีหลักด้วย และก็จะปรากฏว่าเราอ้างพยานเท็จในเรื่องพระเจ้า เพราะเราอ้างพยานว่าพระองค์ได้ทรงชุบพระคริสต์ให้เป็นขึ้นมา แต่ถ้าคนตายไม่ถูกทรงชุบให้เป็นขึ้นมาแล้ว พระองค์ก็ไม่ได้ทรงชุบพระคริสต์ให้เป็นขึ้นมา เพราะว่าถ้าการชุบให้เป็นขึ้นมาไม่มี พระคริสต์ก็ไม่ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา และถ้าพระคริสต์ไม่ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์ ท่านก็ยังตกอยู่ในบาปของตน เพราะมนุษย์ผู้หนึ่งเป็นเหตุฉันนั้น และคนทั้งหลายที่ล่วงหลับในพระคริสต์ก็พินาศไปด้วย ถ้าในชีวิตนี้ พวกเราซึ่งอยู่ในพระคริสต์มีแต่ความหวังเท่านั้น เราก็เป็นพวกที่น่าสังเวชที่สุดในบรรดาคนทั้งปวง แต่ความจริงพระคริสต์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และทรงเป็นผลแรกในพวกคนทั้งหลายที่ได้ล่วงหลับไปแล้วนั้น เพราะว่าความตายได้อุบัติขึ้น เพราะมนุษย์คนหนึ่งเป็นเหตุฉันใด การเป็นขึ้นมาจากความตายก็ได้อุบัติขึ้น 1โครินธ์ 15;14-21
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น