วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เมื่อรับการเยียวยาชีวิตก็ต้องเผชิญสิ่งเหล่านี้-ตอน 1 ความจริงคือความจริง

เมื่อรับการเยียวยาชีวิตก็ต้องเผชิญสิ่งเหล่านี้
ตอน 1 ความจริงคือความจริง


การบำบัดเยียวยาจากบาดแผล คือ การท้าทายให้ผู้มีชีวิตอยู่ยอมรับว่าตนเองมีบาดแผลที่น่ารำคาญ และฮึดจะต่อสู้กับมัน เพื่อไม่ให้นิสัยที่ไม่ดีรบกวน น่ารำคาญ ส่งผลต่อบุคลิก และความคิดที่ผิดหรือบางคนอาจใช้คำว่านิสัยที่ไม่เป็นผู้ใหญ่ของเรา ไปรบกวนผู้อื่นและสร้างปัญหาแก่คนรอบข้าง ทำให้เราต้องสูญเสียบุคลิกภาพและ มิตรภาพกับคนดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิตหรือการงานที่ดี โดยเฉพาะนิสัยที่มีความคิดที่แคบ เห็นแก่ตัว ขี้กลัว คิดไปเอง พูดหรือคิดเกินความจริง หรือหนักถึงขั้นไม่สามารถยอมรับชีวิตที่ควรจะเป็นจริงได้ ทั้งที่รับคำสอน อบรมสัมมนามามาก ดังคำที่เรามักได้ยินว่า “เรียนไปก็เท่านั้นไม่เห็นชีวิตเปลี่ยนเลย”

ทำไมละ ก็เพราะอุปสรรค ค่านิยมทางความคิด ความหนาแน่นของความผิดปกติของจิตใจ หรือที่กลุ่มทำพันธกิจนี้เรียกว่าบาดแผลครับ อีกทางหนึ่งคือ คน ๆ นั้น คิดแต่ในมุมของตัวเอง ไม่ได้คิดถึงความเป็นจริง มีชีวิตในจินตนาการ เพราะไม่อยากยอมรับความจริงและความเจ็บปวดต่าง ๆ ได้

คนที่รับการเยียวยาแบบนี้จะต้องตัดสินใจเลือกชีวิตใหม่ เขาต้องตั้งใจที่จะปล้ำสู้ อดทน เพียรพยายามที่จะเลือกต่อสู้วันต่อวัน เพื่อเสรีภาพที่ดีกว่า เพื่อจะทำให้เขา มีชัยชนะในการดำเนินชีวิตท่ามกลางคนรอบข้างได้แม้มีปัญหาและอุปสรรค เมื่อถึงเวลาจำเป็นที่ต้องตายเพราะอายุขัย หรือโรคที่กินร่างกายถึงที่สุดแล้ว ก็ต้องยอมรับตามความจริงได้

แต่เราจะไม่เอาศาสตร์การบำบัดเยียวยามาเป็นเหตุผลในการอธิษฐาน เยียวยาให้คนที่ใกล้จะตายได้มีชีวิตอยู่ทั้งที่ถึงเวลาตายได้แล้ว บางคนไม่เข้าใจมักถามว่าทำไมการเยียวยาไม่ทำให้เขามีชีวิตต่อไป ทำไมพระเจ้าจึงไม่ให้เขามีชีวิตอยู่ (อันนี้เป็นปัญหาของคนพูดเพราะเขามีความเข้าใจผิดมาก ๆ ในเรื่องการเยียวยา จากนั้นก็มาโทษปัจจัยรอบข้าง และขบวนการเยียวยา เพราะเขากำลังจะให้ศาสตร์นี้เป็นเรื่องเกินจะเป็นจริง ทำให้คนไม่ต้องตาย คนป่วยเพราะอายุขัยที่ต้องตายก็จะไม่ป่วย ไม่ตาย หรืออาจรับคำสอนมาว่าเมื่อเป็นคริสเตียนแล้วหรือเมื่อรับการเยียวยาแล้วจะไม่มีอุปสรรคปัญหา)

สิ่งที่ผู้กล่าวพูดเช่นนี้ควรจะหันไปตระหนักและเข้าใจใหม่ว่าการเยียวยาเป็นการปกป้องและป้องกัน อารมณ์ ความรู้สึกของเรามากกว่าเมื่อผู้ป่วยต้องจากไปตามอายุขัย เราควรตระหนักว่าเขาจะทำใจอย่างไร เพื่อไม่ให้ความผูกพันกับผู้ที่จากไปทำให้เขาคิดถึงจนหมดอาลัยตายอยาก หรือเขาจะเยียวยาตนเองอย่างไร เมื่อผู้ที่จากไปอาจเคยทำผิดกับเขา ทำให้เขาโกรธ แล้วเขาจะให้อภัยผู้ที่จากไปอย่างไร หากผู้ที่จากไปทำสิ่งที่ผูกพันที่เขาต้องรับผิดชอบต่อไปครับ

ทำไมคิดเช่นนี้เพราะคนป่วย ให้เขาจากไปตามวาระอายุขัยดีกว่าให้เขาอยู่อย่างทรมาน และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ต่อไป สรุปคือการบำบัดเยียวยาใช้สำหรับคนมีกำลังมีชีวิต และเลือกจะมีชีวิตที่ดีกว่า หรือคนใกล้จะตาย ทำอย่างไรที่เขาจะไม่ตายขณะมีความโกรธ ขมขื่น อาฆาต เจ็บปวด ขณะกำลังจะตายมากกว่า แต่ไม่ใช่เขาจะไม่ป่วยไม่ตายตามเวลา เพราะเรายังต้องยอมรับความจริงของชีวิตเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น